การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนแบบทีมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริม ความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผู้แต่ง

  • อภิญญา เรือนเครือ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • วิเชียร ธำรงโสตถิสกุล คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

กิจกรรมการเรียนรู้แบบทีมเป็นฐาน, ความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ, ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้าง และหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนแบบทีมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนแบบทีมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยเปรียบเทียบความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษระหว่างก่อน และหลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 23 คน โดยเลือกการสุ่มตัวอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนแบบทีมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และแบบทดสอบความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังฤษ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และการทดสอบทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัยพบว่า 1. กิจกรรม และแผนการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพบทเรียน เท่ากับ 76.68/75.56 ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 2. ผลการเปรียบเทียบความสามารถทางไวยากรณ์ระหว่างก่อน และหลังเรียน มีค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถทางไวยากรณ์หลังเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศึกราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กุสุมา ล่านุ้ย. (2538). การสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารระดับมัธยมศึกษา. โรงเรียนสาธิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

จินตนา สุจจานันท์. (2551). การเรียนการสอนโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ. เชียงใหม่: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

พรสวรรค์ สีป้อ. (2550). สุดยอดวิธีการสอนภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.

วศินี ขอดเตชะ. (2554). การศึกษาความสามารถด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือประเภทการแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD). วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

วรพล มหาแก้ว. (2552). ผลของการเรียนการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้แนวคิดการเรียนแบบทีมที่มีต่อความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนนวมินราชูทิศ หอวัง นนทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศศิกานต์ โฆษิตตระกูล.(2551) ความสามารถด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนที่เรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ โดยใช้เทคนิค STAD. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรบัณฑิต คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สิตา มูสิกรังษี. (2544). การศึกษาสอนสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาของรัฐบาลใน เขตการศึกษา 2. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ภาษาศาสตร์ประยุกต์) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

Dickins, P. M. R., & Woods, E. G. (1988). Some Criteria for the Development of Communicative Grammar Tasks. TEOL Quarterly. 22 (3), 623-646. [Online]. Available: https://onlinelibrary.wiley.com/doi/pdf/10.2307/3587260. [2020, November 16].

Michaelsen, L. K., & Sweet, M. (2008). The Essential Elements of Team‐Based Learning. New Directions for Teaching and Learning. 116 (1), 7-27. [Online]. Available: https://Onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1002/tl.330. [2020, November 16].

Thornbury, S. (2001). How to Teach Grammar. (3rd ed). Malaysia: Pearson Limited. [Online]. Available: https://aguswuryanto. files.wordpress.com/ 2010/09/how-to-teach-grammar.pdf. [2020, November 16].

Ur, P. (1996). A Course in Language Teaching: Practice and Theory. Cambridge: Cambridge University Press.[Online] Available: https://www. scirp.org/ pdf/ OALibJ_2016032511271557.pdf. [2020, November 16].

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2023-06-17

How to Cite

เรือนเครือ อ. ., & ธำรงโสตถิสกุล ว. (2023). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนแบบทีมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริม ความสามารถทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิต, 19(1), 49–64. สืบค้น จาก https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SDUGSAJ/article/view/33