บทบาทวิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030) ต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบียในศตวรรษที่ 21

Main Article Content

พรพรรณ โปร่งจิตร

บทคัดย่อ

         วิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030) ของซาอุดิอาระเบียเป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายเพื่อไม่พึ่งพารายได้จากน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยมีเป้าหมายสามเสาหลัก ได้แก่ สังคมที่มีชีวิตชีวา (Vibrant Society)  เศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง (Thriving Economy) และ ชาติที่มีความทะเยอทะยาน (Ambitious Nation) เป้าหมายเหล่านี้มุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการพึ่งพาน้ำมัน และสร้างเศรษฐกิจที่หลากหลายและยั่งยืน วิสัยทัศน์นี้เป็นการตอบสนองต่อบริบทของศตวรรษที่ 21 ที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านพลังงาน เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งด้านการเมืองและสังคม การฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้ “วิสัยทัศน์ 2030” ที่สะท้อนถึงแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเน้นการพึ่งพากันและกัน และการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับภูมิภาคและระดับโลก  งานวิจัยนี้ ศึกษาแนวนโยบายวิสัยทัศน์ 2030 ของประเทศซาอุดิอาระเบียที่มีผลต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ 1. เพื่อศึกษานโยบายวิสัยทัศน์ 2030 ของประเทศซาอุดิอาระเบีย  2. เพื่อศึกษาผลจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดิอาระเบีย  ผลการศึกษาพบว่านโยบายวิสัยทัศน์ 2030 ของประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นนโยบายสำคัญให้ซาอุดิอาระเบียเปิดประเทศ เชื่อมโยงกับนานาชาติและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศซาอุดิอาระเบีย และจากกรอบวิสัยทัศน์ 2030 ส่งผลกระทบด้านบวกต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย เช่น การค้าและการลงทุน การกลับมาเปิดตลาดแรงงานซาอุดิอาระเบียให้แก่แรงงานไทย การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุดิอาระเบียที่มาเยือนประเทศไทย และการยกระดับความร่วมมือทางการทูตระหว่างทั้ง 2 ประเทศ


 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
โปร่งจิตร พ. (2025). บทบาทวิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030) ต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบียในศตวรรษที่ 21. วารสารประวัติศาสตร์ มศว, 50(1). สืบค้น จาก https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2790
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

จรัญ มะลูลีม. (2556, 8 มิถุนายน). สัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย: ขอบฟ้าใหม่สำหรับ การค้าและการลงทุุน (1). มติชนสุดสัปดาห์. https://www.matichonweekly.com/column/article_680337

บัณฑิต อารอมัน. (2567). นโยบายการส่งเสริมฮาลาลและการสนับสนุนธุรกิจฮาลาล ในประเทศไทย. วารสารอิสลามแห่งประเทศไทย, 1(1), 34–50.https://so16.tci-thaijo.org/index.php/TIJ/article/view/672

ประยุทธ์ จันทร์โอชา. (2022). ซาอุดีอาระเบีย : ประยุทธ์ ชู “โอกาสอันมากมายมหาศาล” หลัง"เสียใจยิ่งต่อโศกนาฏกรรม" ในอดีต. https://www.bbc.com/thai/international-60132853

ศราวุฒิ อารีย์. (2565). ไทย-ซาอุดิอาระเบีย:จากสัมพันธ์แตกร้าวสู่ก้าวย่างแห่งมิตรภาพใหม่. http://www.ias.chula.ac.th/article

THACCA. (2565). ไทยอยู่ตรงไหนของอุตสาหกรรมฮาลาลโลก. https://thacca.go.th/article/food-halal

Top News. (2565). ฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ โอกาสทองแรงงานไทย หลังเคยส่งเงินกลับสะพัดปีละกว่า 9 พันล้านบาท!. https://www.topnews.co.th/news/220980

Michael Stephens. (2016). Saudi Arabia and Iran and how we got here. https://www.aljazeera.com/opinions/2016/1/5/

Ministry of Economy and Planning. (2016). Saudi Vision 2030. Riyadh: Government of Saudi Arabia.

Ministry of Economy and Planning. (2024). Saudi Arabia a Story of Transformation.

Trading Economics. (2566). https://tradingeconomics.com/saudi-arabia/manufacturing-pmi

The Embassy of the Kingdom of Saudi Arabia. (2024). Vision 2030. https://www.saudiembassy.net/vision-2030