วารสารประวัติศาสตร์ มศว
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH
<p>วารสารประวัติศาสตร์ มศว<br />Online ISSN 3027-7035</p> <p>กำหนดออกปีละ 1 ฉบับ มกราคม - ธันวาคม<br />ขอบเขตการตีพิมพ์ : วารสารประวัติศาสตร์เปิดรับบทความวิจัย บทความวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวข้อง ในภาษาไทย และอังกฤษ วารสารแต่ละฉบับจะตีพิมพ์บทความโดยประมาณ 9-12 บท</p> <p>วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมการศึกษา และค้นคว้าในสาขาวิชาประวัติศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง และเพื่อเผยแพร่ผลงานการวิจัย รวมถึงบทความของคณาจารย์ นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไป</p> <p>วารสารประวัติศาสตร์ มศว เปิดรับบทความโดยไม่มีค่าใช้จ่าย</p> <p>บทความแต่ละบทความจะมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ประเมิน 3 ท่าน โดยผู้ประเมินไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้ประเมิน</p> <p>ผู้เขียนต้องพิม์บทความตามข้อกำหนดของวารสาร ตามตัวอย่างที่ให้ไว้ในลิงค์ที่ แนบมานี้<br />https://docs.google.com/document/d/1Skv6kBxwI8Pe6I-4zTVSYRvH7t18B1u5/edit?usp=drive_link&ouid=104500690397824645432&rtpof=true&sd=true</p> <p> </p>ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (Department of History, Faculty of Social Science, Srinakharinwirot University)th-THวารสารประวัติศาสตร์ มศว0125-1902บทบรรณาธิการ
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2801
<p>บทบรรณาธิการ</p>ณัฐพล อิศรางกูร ณ อยุธยา
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501ช้างเถื่อนที่หายไป : อีกแง่มุมของประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลง ในทุ่งหลวง/ทุ่งรังสิต ทศวรรษ 2430 - 2450
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2067
<p>งานศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ทุ่งหลวง/ทุ่งรังสิตที่ผ่านมา โดยมากเน้นไปที่ความเปลี่ยนแปลงเชิงมหภาค ทว่า เรื่องราวของวัตถุในการศึกษาประเด็นปลีกย่อยเช่น “ช้างเถื่อน” หรือ ช้างป่านั้นยังไม่มีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ช้างเถื่อนในทุ่งหลวงเกี่ยวข้องกับการคล้องช้างมาแต่อดีตจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อย่างไรก็ตาม ผลจากการขุดคลองรังสิตในช่วงทศวรรษ 2430 เพื่อเปิดพื้นที่เพาะปลูกข้าว ส่งผลให้สัตว์ป่าบางชนิดถูกล่าจนสูญพันธุ์หากแต่ไม่ใช่ในกรณีของช้างเนื่องจากสยามมีกฎหมายห้ามล่าช้างมาแต่อดีต การแก้ปัญหาช้างในทุ่งหลวง/ทุ่งรังสิต ดำเนินการอยู่หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการต้อนช้าง (ปกโขลง) จากเขตเพาะปลูกบริเวณคลองรังสิตไปไว้ที่อื่น การหายไปของช้างเถื่อนในทุ่งหลวง/ทุ่งรังสิต จึงเป็นผลจากนโยบายรัฐและความต้องการของบริษัทเอกชนผู้ขุดคลองและครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในทุ่งรังสิตเป็นสำคัญ</p>asa1 kumpha1
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501การศึกษาลักษณะเด่นระหว่างวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ในประวัติศาสตร์วิชาคาราเต้ญี่ปุ่นในปัจจุบัน
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/1665
<p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายบริบททางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดลักษณะเด่นระหว่างวัฒนธรรมในวิชาคาราเต้ญี่ปุ่น และเพื่อศึกษาลักษณะเด่นระหว่างวัฒนธรรมต่าง ๆ เหล่านั้น โดยใช้วิธีการวิจัยเอกสารเชิงคุณภาพ (Qualitative Documentary Research) ประกอบกับการวิจัยแบบอัตชาติพันธุ์วรรณา (Autoethnography) โดยแบ่งการอภิปรายผลการวิจัยออกเป็น 4 ยุคคือ (1) ยุคที่คาราเต้ยังเป็นของ ‘ราชอาณาจักรริวกิว’, (2) ยุคหลังจากราชอาณาจักรริวกิวถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่น, (3) ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่จักรวรรดิญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศญี่ปุ่น, (4) และยุคปัจจุบันที่คาราเต้ผ่านกระบวนการพัฒนาให้เป็นสมัยใหม่ (Modernization) และการกลายเป็นสากล (Internationalization) เรียบร้อยแล้ว</p> <p>จากการศึกษาพบว่าคาราเต้กลายเป็นสิ่งที่อาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับอารยธรรมญี่ปุ่นอีกต่อไปเพราะกลายเป็นวิชา creole คือผสมผสานนานาวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันเนื่องจากมีลักษณะเด่นระหว่างวัฒนธรรมหลากหลายของนานาชาติแฝงอยู่ในประวัติศาสตร์การพัฒนาวิชาของตัวเอง คาราเต้จึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งที่ปรับตัวอยู่อย่างไม่หยุดมาตลอด 500 กว่าปีที่ผ่านมา</p>วีรยุทธ พจน์เสถียรกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501บทบาทผู้แทนราษฎรภาคเหนือชุดแรกในสายธารประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลังการปฏิวัติสยาม 2475
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2126
<p>บทความนี้มุ่งศึกษาและอธิบายภูมิหลัง และการตอบสนองต่อระบอบการเมืองใหม่ของกลุ่มผู้แทนราษฎรภาคเหนือที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกของสยาม พ.ศ. 2476 หลังการการปฏิวัติสยามในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นำมาสู่การได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่ได้ออกแบบโครงสร้างหน้าที่ของสถาบันทางการเมืองใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ปรากฏขึ้นของ “รัฐสภา” ที่เป็นสถาบันทางการเมืองใหม่ที่เป็นกลไกการปกครองที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครอง ที่สำคัญนั้นภายใต้ระบอบการเมืองใหม่ได้กำหนดให้มี “สมาชิกผู้แทนราษฎร” ที่จะต้องเข้ามาทำหน้าเป็นตัวแทนของประชาชนและทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะฉะนั้นแล้ว “สมาชิกผู้แทนราษฎร” ในช่วงต้นระบอบประชาธิปไตยนี้มีภูมิหลังอย่างไร มีบทบาทอย่างไรในพื้นที่ รวมไปถึงผู้แทนราษฎรนั้นมีบทบาทอย่างไรในการตอบสนองต่อระบอบการเมืองใหม่ ซึ่งที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วเป็นภาพสะท้อนการเมืองในช่วงเริ่มต้นของระบอบประชาธิปไตยในสยามที่เปิดโอกาสให้คนกลุ่มอื่นสามารถเข้าร่วมาปกครองประเทศ</p>ปฐมาวดี วิเชียรนิตย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501การจัดซื้อเรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางเรือของกองทัพเรือไทยภายหลังเหตุการณ์ ร.ศ. 112 พ.ศ. 2437–2453
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2158
<p>บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการจัดซื้อเรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือสยามภายหลังเหตุการณ์ ร.ศ.112 พ.ศ. 2437 – 2453 ด้วยวิธีการศึกษาทางประวัติศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาความเปลี่ยนแปลงการจัดซื้อเรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางเรือภายหลังความพ่ายแพ้ในเหตุการณ์ร.ศ. 112 2) ศึกษาการปรับใช้เรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางเรือให้เข้ากับแผนงานป้องกันของประเทศไทยที่เปลี่ยนไปหลังเหตุการณ์ร.ศ. 112</p> <p> จากการศึกษาพบว่า การจัดซื้อเรือรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางเรือของสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายหลังเหตุการณ์ร.ศ. 112 นั้นถูกแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา ช่วงเวลา 1) ยุคริเริ่มจัดซื้อเรือประจำการและจัดประเภทเรือรบตามแบบสากล พ.ศ. 2437 – พ.ศ. 2448 เป็นยุคที่ประเทศไทยเข้าสู่ยุคการจัดซื้อเรือรบประจำการ ซึ่งแต่เดิมยังไม่ได้มีแนวคิดนี้เพราะในสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงเหตุการณ์ร.ศ. 112 หน่วยบัญชาการกองทัพเรือไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันถูกแบ่งเป็นกลุ่มวังหน้าและบุนนาค ดังนั้นเรือรบจึงเสมือนพาหนะกึ่งส่วนตัวของกลุ่มการเมืองต่างๆภายใต้บารมีกษัตริย์ การใช้เรือรบเหล่านี้จึงไม่ได้มีลักษณะการแบ่งประเภทเรือรบรวมถึงการใช้เป็นเรือรบประจำการอย่างชัดเจน เรือรบจึงถูกใช้เป็นเครื่องแสดงบารมีของชนชั้นนำในประเทศและความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศเป็นแกนหลัก อย่างไรก็ตามภายหลังวิกฤตการณ์ร.ศ. 112 ชนชั้นนำได้เห็นถึงความสำคัญในการมีเรือรบประจำการและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางเรือในบริบท พ.ศ. 2437 – พ.ศ. 2448 กองทัพเรือจึงได้มีการจัดซื้อเรือรบประเภทเรือลาดตระเวนและเรือปืน รวมทั้งมีการจัดซื้อปืนใหญ่ยิงเร็ว และทุ่นระเบิดเพื่อเพิ่มการป้องกันในบริเวณแม่น้ำและชายฝั่ง 2) ยุคแห่งการขยายแนวป้องกันสู่ระดับอ่าวไทยพ.ศ. 2448 – พ.ศ. 2453 ยุคนี้กองทัพเรือต้องการซื้อเรือรบประเภทกลุ่มเรือตอร์ปิโดเพราะยังไม่มีเรือประเภทนี้ประจำการในกองทัพเรือสยาม อีกทั้งได้มีการวางแผนงานการใช้เรือรบกับการป้องกันทางทะเลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย การวางแผนงานป้องกันทางทะเลในครั้งนี้ได้ขยายขอบเขตการป้องกันภัยคุกคามจากเดิมที่พึ่งพิงการยิงจากบนป้อมในปากน้ำสมุทรปราการขยายขอบเขตเป็นการใช้เรือเป็นแนวป้องกันในด่านทางทะเล โดยมีด่านป้องกันตามเกาะและชายทะเลตั้งเขาสามร้อยยอดจนถึงเกาะจวงและมีฐานที่มั่นทางทะเลสำคัญอย่างเกาะสีชัง</p>สรสิช มูลสุวรรณ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501ทัศนะเกี่ยวกับสตรีไทยในงานเขียนของศรีบูรพาและจิตร ภูมิศักดิ์
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2789
<p>งานวิจัยนี้ ศึกษาแนวการเขียนและการแสดง</p> <p>ทัศนคติเกี่ยวกับสตรีไทย ที่ปรากฏในงานเขียนของศรีบูรพา</p> <p>ซึ่งเป็นนามปากกาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ และจิตร ภูมิศักดิ์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ 1. เพื่อศึกษาแนวคิดในการเขียนงานเกี่ยวกับสตรีไทยของศรีบูรพาและจิตร ภูมิศักดิ์ 2. เพื่อศึกษาทัศนะเกี่ยวกับสตรีไทยของศรีบูรพาและจิตร ภูมิศักดิ์ 3. เพื่อศึกษาผลจากการแสดงทัศนะเกี่ยวกับสตรีไทยของศรีบูรพาและจิตร ภูมิศักดิ์ ที่มีต่อสังคมไทย ส่วนใหญ่ผลงานการเขียนของศรีบูรพาและ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นงานเขียนในแนวสังคมนิยม ยกตัวอย่างเช่น บทปาฐกถาของศรีบูรพา เรื่อง “ฐานะของสตรีตามที่เป็นมาในประวัติศาสตร์” บทความของสมชาย ปรีชาเจริญ ซึ่งเป็นนามปากกาของ จิตร ภูมิศักดิ์ เรื่อง “อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของสตรีไทย” เป็นต้น ผลงานของนักเขียนทั้งสองท่านได้สะท้อนให้เห็นสถานภาพสตรีในสังคมไทยในช่วงเวลาหลัง พ.ศ.2475 ถึงประมาณ พ.ศ.2500 การกำหนดสถานภาพสตรีจากนโยบายของรัฐ การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาและการประกอบอาชีพของสตรีไทย และจิตสำนึกในสิทธิของสตรีไทย</p>ปิยะนาถ อังควาณิชกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501สุรสีห์ ผาธรรม และดวงกมลมหรสพ ผู้สร้างหนังจากภาคอีสานในทศวรรษ 2520
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2781
<p>ธุรกิจหนังในประเทศไทยเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับการสร้างชาติด้วยอำนาจรวมศูนย์ที่กรุงเทพฯ ภาคอีสานได้ถูกรวมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสยาม-ไทย ธุรกิจหนังกลายเป็นส่วนหนึ่งเชื่อมโยงภาคอีสานเข้ากับกรุงเทพฯ จากการเป็นผู้ชมหนังไทย และต่างประเทศที่มีกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการสร้าง และการจัดจำหน่าย คนอีสานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงการหนังไทย ด้วยการสร้างหนังที่มีเรื่อง ภาพ ดนตรีของท้องถิ่น เสนอมุมมองทางสังคม การเมือง ความรู้สึกนึกคิด โลกทัศน์ ของท้องถิ่นอีสาน ในบริบทของการเมือง สังคม และการตลาดของประเทศไทย เริ่มต้นในทศวรรษ 2520 โดยบริษัทดวงกมลมหรสพ และผู้กำกับคนสำคัญ สุรสีห์ ผาธรรม ได้สร้างหนังเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทยอย่าง ครูบ้านนอก หนองหมาว้อ สวรรค์บ้านนา และราชินีดอกหญ้า สร้างพื้นที่ให้แก่เรื่องราวของคนอีสานในวงการหนังไทย</p>สัญญา ชีวะประเสริฐ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501บทบาทวิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030) ต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบียในศตวรรษที่ 21
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2790
<p> วิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030) ของซาอุดิอาระเบียเป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายเพื่อไม่พึ่งพารายได้จากน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยมีเป้าหมายสามเสาหลัก ได้แก่ สังคมที่มีชีวิตชีวา (Vibrant Society) เศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง (Thriving Economy) และ ชาติที่มีความทะเยอทะยาน (Ambitious Nation) เป้าหมายเหล่านี้มุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการพึ่งพาน้ำมัน และสร้างเศรษฐกิจที่หลากหลายและยั่งยืน วิสัยทัศน์นี้เป็นการตอบสนองต่อบริบทของศตวรรษที่ 21 ที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านพลังงาน เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งด้านการเมืองและสังคม การฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้ “วิสัยทัศน์ 2030” ที่สะท้อนถึงแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเน้นการพึ่งพากันและกัน และการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับภูมิภาคและระดับโลก งานวิจัยนี้ ศึกษาแนวนโยบายวิสัยทัศน์ 2030 ของประเทศซาอุดิอาระเบียที่มีผลต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ 1. เพื่อศึกษานโยบายวิสัยทัศน์ 2030 ของประเทศซาอุดิอาระเบีย 2. เพื่อศึกษาผลจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดิอาระเบีย ผลการศึกษาพบว่านโยบายวิสัยทัศน์ 2030 ของประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นนโยบายสำคัญให้ซาอุดิอาระเบียเปิดประเทศ เชื่อมโยงกับนานาชาติและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศซาอุดิอาระเบีย และจากกรอบวิสัยทัศน์ 2030 ส่งผลกระทบด้านบวกต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย เช่น การค้าและการลงทุน การกลับมาเปิดตลาดแรงงานซาอุดิอาระเบียให้แก่แรงงานไทย การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุดิอาระเบียที่มาเยือนประเทศไทย และการยกระดับความร่วมมือทางการทูตระหว่างทั้ง 2 ประเทศ</p> <p> </p>พรพรรณ โปร่งจิตร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501The Making of Philippine Artisanal Salt Harnessing Nature and its Present Challenges
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2780
<p>Salt is an essential substance necessary for life and for the Philippines there are many ways of producing this substance. Salt in the Philippines is mainly obtained from sea water and the methods of extracting salt has become part of the culture of the Filipinos. Filipinos in various regions of the country developed unique ways of producing salt. To many Filipinos salt is a basic ingredient in their cuisine and to those afflicted with extreme poverty it was the viand of the very poor. It is also associated with spiritual cleansing and driving away evil spirits. Not all regions of the Philippines can produce salt with efficiency due to unfavorable natural conditions but for regions which are conducive to salt production, it has become part of the local heritage. Some areas of the Philippines are known for salt production such as the province of Pangasinan which literally means “where salt is made” and there are places in the Philippines which are associated with salt such as Barrio Irasan in Las Piňas City. The method of producing salt is usually artisanal in character and is very labor-intensive. In recent times the Philippine salt industry faced serious challenges, some of which were caused by changes in the environment and other natural factors, others were man-made. This paper discusses the Philippine salt industry in general and the artisanal or traditional salt making industry in particular. It explains why the country’s salt industry is in decline despite the Philippines being surrounded by bodies of salt water and what is being done to save the country’s salt-making industry.</p>Augusto V. de Viana
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501Destigmatizing Queer Love: Sapphic Empowerment and Representation in Thai GL Series The Secret of Us
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/1984
<p>This study explores the representation of <em>les</em> identities and queer female empowerment in the Thai <em>Girls’ Love</em> (GL) series <em>The Secret of Us </em>(dir. <em>Sarassawadee Wongsompetch</em>, 2024). Historically, portrayals of women-loving-women in Thai media have been limited to the <em>tom-dee</em> framework or relegated to secondary, often tragic narratives. <em>The Secret of Us</em> challenges these conventions by centering on a complex and affirming love story between two feminine-presenting women. Employing thematic analysis, this research examines how the series redefines queer female narratives by emphasizing themes of cultural and familial resistance, personal autonomy, and positive outcomes for queer relationships.</p> <p>Grounded in representation studies and queer theory, with a particular focus on the contributions of Butler (1990), Foucault (1978), and Ahmed (2010), the analysis demonstrates how <em>The Secret of Us</em> disrupts longstanding tropes of queer invisibility and marginalization, portraying a <em>les</em> relationship that culminates in family acceptance, marriage, and mutual empowerment. The series further aligns with global queer discourses by depicting queer love as resilient, multidimensional, and deserving of societal recognition. This study situates <em>The Secret of Us</em> as a cultural milestone in Thai media, signaling a shift toward more inclusive and affirming narratives for LGBTQ+ individuals. Implications for broader media trends and future portrayals of diverse queer identities in Thailand are also discussed.</p>chitiphat Suntornsaratoolชาลิน นุกูล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501ด้วยเธอล้วนก็คือคน : กรรมกร โสเภณี วัยรุ่น และคนชายขอบในภาพยนตร์ไทย
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2396
<p>การศึกษาประวัติศาสตร์ โดยใช้ภาพยนตร์เป็นหลักฐานหลักในวงวิชาการประวัติศาสตร์ไทยนั้น อาจไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแพร่หลายแต่อย่างใด หนังสือเรื่อง <strong>ด้วยเธอล้วนก็คือคน </strong><strong>: กรรมกร โสเภณี วัยรุ่นและคนชายขอบในภาพยนตร์ไทย</strong> ของอภิสิทธิ์ ปานอิน จำนวน 280 หน้า ที่ถูกจัดพิมพ์โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ใน พ.ศ.2566 จึงเป็นหนังสือที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์ผ่านภาพยนตร์ที่สัมพันธ์กับปัญหาของสังคมไทยในช่วงทศวรรษ 2510 ถึงทศวรรษ 2530 แล้ว ซึ่งหลักฐานที่ใช้ศึกษานอกจากภาพยนตร์ โปสเตอร์ คำสัมภาษณ์หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์แล้ว ยังมีการเจาะลึกไปถึงภาษาภาพยนตร์ซึ่งเป็นระบบสัญลักษณ์ที่ผู้ผลิตภาพยนตร์ใช้เป็นตัวกลางในการสื่อความหมายให้กับผู้ชมอีกด้วย</p>ปัญญพัฒน์ ศรีบาง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501บทวิจารณ์หนังสือ : สยามไซไฟ
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2213
<p>บทความนี้เป็นการวิจารณ์หนังสือ (book review) เรื่องสยามไซไฟ</p>Boonpitak Saneeburapatid
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501สถานภาพงานวิจัยประวัติศาสตร์อารมณ์ความรู้สึกในสังคมไทย (พ.ศ. 2556-2567)
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/2085
<p> บทความนี้สำรวจงานวิจัยทางประวัติศาสตร์ในมิติอารมณ์ความรู้สึกที่ผลิตขึ้นในวงวิชาการไทยระหว่าง พ.ศ. 2556-2567 โดยแสดงให้เห็นพัฒนาการ ปริมาณงาน การจัดประเภทและกลุ่มประเด็นศึกษา การวิเคราะห์วิธีการและแนวคิดที่ใช้ในการศึกษา โดยจำกัดขอบเขตเฉพาะประเภทรายงานการวิจัย บทความวิชาการ บทความวิจัย หนังสือ และวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษาจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยเป็นหลัก</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า การศึกษาประวัติศาสตร์อารมณ์ความรู้สึกสามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงที่สัมพันธ์กับบริบทสถานการณ์ทางการเมืองไทย ได้แก่ ช่วงก่อนการรัฐประหาร พ.ศ. 2557 ช่วงสมัยรัฐบาล คสช. (พ.ศ. 2557-2562) และช่วงหลังเลือกตั้ง พ.ศ. 2562-2567 งานศึกษาประวัติศาสตร์อารมณ์ความรู้สึกมีทั้งสิ้น 40 เรื่อง แบ่งเป็นประเภทบทความ 28 เรื่อง วิทยานิพนธ์ 11 เล่ม และหนังสือ 1 เล่ม ในจำนวนนี้ประเด็นที่ได้รับความสนใจศึกษามากที่สุด คือ อารมณ์ความรู้สึกของชนชั้นกลาง จำนวน 17 เรื่อง รองลงมาคือ อารมณ์ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับรัฐและชนชั้นนำ จำนวน 7 เรื่อง อารมณ์ความรู้สึกในความสัมพันธ์ระหว่างเพศ จำนวน 4 เรื่อง อารมณ์ความรู้สึกอื่น ๆ จำนวน 4 เรื่อง ทฤษฎีและระเบียบวิธีวิทยาทางประวัติศาสตร์อารมณ์ความรู้สึก จำนวน 3 เรื่อง อารมณ์ความรู้สึกในการเคลื่อนไหวทางการเมือง จำนวน 2 เรื่อง อารมณ์ความรู้สึกในท้องถิ่น จำนวน 2 เรื่อง และอารมณ์ความรู้สึกในพื้นที่ศึกษาต่างประเทศ จำนวน 1 เรื่อง สำหรับวิธีการศึกษายังคงใช้การวิเคราะห์ตีความเอกสารเป็นสำคัญร่วมกับการทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของบริบททางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอย่างลึกซึ้ง และนับแต่ พ.ศ. 2562 นักวิชาการไทยได้นำแนวคิดประวัติศาสตร์อารมณ์ความรู้สึกของนักวิชาการตะวันตกมาใช้ในการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะแนวคิดของวิลเลียม เรดดี้</p>ธีรวัฒน์ ทองโสภา
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501เสื้อผ้าและอาภรณ์: สตรีกับนโยบายรัฐนิยมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม (พ.ศ. 2481-2487)
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/1674
<p>การประกาศใช้รัฐนิยมฉบับที่ 10 เรื่องการแต่งกายของประชาชนชาวไทย ในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม (พ.ศ. 2481-2487) ส่งผลให้เกิดการจัดการร่างกายของพลเมือง โดยเฉพาะการจัดเรือนร่างสตรี เนื่องจากมีการออกระเบียบการแต่งกายของสตรีในเวลาต่อมา ทำให้สตรีต้องแต่งกายตามแบบแผนที่รัฐกำหนด คือ การแต่งกายที่มีความแตกต่างออกไปตามเวลาและกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้สตรีปฏิบัติตนให้เหมาะสมอย่างอารยชนและเป็นสตรีตามแบบแผนของรัฐ อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐสนับสนุนให้สตรีออกมาใช้ชีวิตในสังคมนอกบ้านมากขึ้น และการแต่งกายของสตรีตามแบบแผนรัฐนิยมเป็นการบ่งบอกตัวตนที่มีความทันสมัยและเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์และสถานภาพทางสังคมในพื้นที่สาธารณะ</p>Jaradsri Somton
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501ลัทธิทรัมป์ ในจุดจบของระเบียบโลกเสรีนิยมและเสรีนิยมใหม่ (?) กับการผงาดขึ้นของประชานิยมฝั่งขวา 2017-2025
https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOH/article/view/1686
<p>นับตั้งแต่การขึ้นสู่อำนาจครั้งที่ 2 ของ Donald J. Trump ในฐานะประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในปี 2025 ท่าทีและโวหารของ Trump ได้วิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรของตนในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือเนโต้ (North Atlantic Treaty Organization; NATO) อย่างรุนแรง โดยเฉพาะบทบาทของพันธมิตรตนในยุโรป ถึงกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2022 โดยอ้างถึงการแบกรับค่าใช้จ่ายและบทบาทการสนับสนุนด้านสงครามให้กับยูเครน ที่กำลังป้องกันประเทศจากการรุกรานเต็มรูปแบบจากรัสเซีย ซึ่ง Trump อ้างว่าสหรัฐฯ เป็นผู้แบกรับการสนับสนุนมากกว่าครึ่ง อย่างไรก็ตามแม้จะมีรายงานว่ากลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป ได้แบกรับการช่วยเหลือยูเครนไม่น้อยไปกว่ากันเมื่อเทียบต่อขนาดเศรษฐกิจ</p> <p>ท่าทีของทรัมป์ต่อยุโรปทั้งกลับระดับผู้นำของสหภาพไปจนถึงยูเครน จึงกลายเป็นข้อถกเถียงถึงความสัมพันธ์ใหม่ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับยุโรป โดยอาจหมายถึงการแยกออกจากกันในนโยบายความมั่นคง หลังจากที่เป็นส่วนเดียวภายใต้ระเบียบโลกข้ามแอตแลนติก (Trans-Atlantic) นับตั้งแต่ปี 1945 หรือภายหลังการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2</p> <p>การศึกษานโยบายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อยุโรป จึงกลายเป็นประเด็นศึกษาที่สามารถทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลก โดยเฉพาะระเบียบโลกตะวันตกที่ต่อเนื่องกันจากยุคสันติภาพยุโรป (Pax Europa) สู่ยุคสันติภาพอเมริกัน (Pax Americana) อันเป็นมรดกของสงครามโลกครั้งที่ 1, 2, และสงครามเย็น โดยการศึกษาในบทความนี้มุ่งศึกษาความเปลี่ยนแปลงด้านระเบียบโลกตะวันตกจากการเปลี่ยนผ่านจาก Pax Europa สู่ Pax Americana ในฐานะกรณีศึกษาพลวัตความเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลก เพื่อนำไปสู่ความต่อเนื่องของนโยบาย Trump 2.0 ในยุโรป โดยข้อเสนอดั่งกล่าวจะถูกอธิบายผ่านแนวคิดทางประวัติศาสตร์แบบความต่อเนื่องยืนยาว หรือลองดูเร่ (Longue durée) เพื่อการอธิบายการเปลี่ยนผ่านของระเบียบโลกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Trans-Atlantic World Order)</p>Witawas Apin
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-242025-12-24501