การศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในพื้นที่หมู่บ้านอู่ตะเภา ตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ โดยมีวัตถประสงค์ (1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองกับปัจจัยด้านความรู้และเจตคติเรื่องโรคความดันโลหิตสูง (3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองกับปัจจัยส่วนบุคคลเรื่องโรคความดันโลหิตสูง ในพื้นที่หมู่บ้านอู่ตะเภา กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในพื้นที่หมู่บ้านอู่ตะเภา ทั้งหมด 110 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยผู้วิจัยได้ใช้โปรแกรม SPSS ในการแปลผลข้อมูลวิจัยจากแบบทดสอบของเครื่องมือในการเก็บข้อมูลวิจัย ผลการวิจัยพบว่าพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า พฤติกรรมการบริโภค พฤติกรรมด้านความเครียด พฤติกรรมด้านการรับประทานยา พฤติกรรมด้านการออกกำลังกาย และพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
References
ประภาส ขำมาก. (2558). พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและ
การสาธารณสุขภาคใต้. 2(3): 74-91.
พีระบูรณ กิจเจรญ. (2558). ศึกษาพฤติกรรมโรคความดันโลหิตสูง. คณะชมรมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย.
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. (2561). ส่วนข้อมูลข่าวสารสาธารณสุข. กรุงเทพ. สำนักงานปลัดกระทรวง
สาธารณสุข.
สมรัตน์ ขำมาก. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในเขตตำบล
คลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 3(3): 153-
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรางสาธารณสุข. (2558). สถิติสาธารณสุข. กรุงเทพ: โรงพิมพ์สาม
เจริญพาณิชย์, กรุงเทพ.
อนัญญา คูอาริยะกุล และฉลองรัตน์ มีศร. (2560). พฤติกรรมดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโรงพยาบาลส่งเสริม
สุขภาพตำบลป่าเซ่า อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี. 9(2) : 125-354.
อรรถพงศ์ เพ็ชรสุวรรณ์. (2552). พฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเกี่ยวกับโรคคความดันโลหิตสูง. สืบค้น 20 มกราคม 2566.
จาก http://library1.nida.ac.th.
World Health Organization. (2008). World Health Statistics. Retrieved A4, 2008. From
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 วารสารวิชาการเฉลิมกาญจนา

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.