การพัฒนาทักษะทางสติปัญญาการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีสอนแบบบทบาทสมมติ สำหรับนักเรียนระดับชั้น อนุบาล 2 โรงเรียนชุมชนบ้านเกาะสมอ(สามัคคีวิทยา)
คำสำคัญ:
การพัฒนาทักษะทางสติปัญญาการ, วิธีสอนแบบบทบาทสมมติบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาวิธีการสอนโดยใช้บทบาทสมมติการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน โดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบบทบาทสมมติ และเพื่อเปรียบเทียบทักษะทางด้านสติปัญญาการใช้จ่ายเงินในชีวิต ประจำวันของนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนชุมชนบ้านเกาะสมอ(สามัคคีวิทยา) ระหว่างก่อนแสดงบทบาทสมมติและหลังแสดงบทบาทสมมติ ในงานวิจัยครั้งนี้เก็บข้อมูลจากนักเรียน จำนวน 24 คน ระยะที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ เริ่มดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ถึง วันที่ 30 กันยายน 2567 มีการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน มีการเก็บคะแนนแผนละ 10 คะแนน และมีคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 30 ข้อ 30 คะแนน โดยมีผลสรุปในการวิจัย ดังนี้
คะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ นักเรียนมีคะแนนพัฒนาการค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10.33 และมีคะแนนพัฒนาการสัมพันธ์ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 89.16 โดยมีคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์สูงสุดอยู่ที่ ร้อยละ 100 (นักเรียนจำนวน 14 คน) และมีคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ต่ำสุดอยู่ที่ ร้อยละ 50
การเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนเปรียบเทียบกับหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความพร้อมทางสติปัญญาการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันของเด็กปฐมวัย การเปรียบเทียบผลปรากฏว่าการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .001
ประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้ E1 / E2 ด้วยการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความพร้อมทางสติปัญญาการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันของเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีสอนแบบบทบาทสมมติ โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบบทบาทสมมติ โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน แผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 3 แผน ค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.83 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 0.37 โดยค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ 1.)สาระสำคัญของแผนมีความถูกต้อง 2.)สามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้ 3.)มีการกำหนดเกณฑ์การประเมินผลที่ชัดเจน 4.)ครอบคลุมทุกด้านทั้งด้านความรู้ ทักษะและเจตคติ 5.)วิธีวัดและเครื่องมือวัดมีความเหมาะสมเที่ยงตรง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.00 และค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ 1.)เนื้อหาถูกต้องตามหลักวิชาและทันสมัย ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.60
References
ภาษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). กรมวิชาการ พัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. กรุงเทพมหานคร: สหกรณ์การเกษตรการพิมพ์ไทย.
นภาวรรณ พันธ์สวย. (2561). การพัฒนาชุดกิจกรรมการอ่านภาพเพื่อพัฒนาทักษะการรับรู้ของเด็กปฐมวัย. วารสารลวะศรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี, 2(1), 27-36.
พัชรินทร์ บุตรสันเทียะ. (2562). การพัฒนาความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบใช้ภาระงานร่วมกับคำถามตามแนวคิดของบลู,บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พงศ์เทพ จิระโร. (2567). สื่อการสอน: การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้. คณะครุศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา.
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. (2545). การจัดและประเมินแนวใหม่เด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ :มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2549). นวัตกรรมตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ. ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
English
Ministry of Education. (2008). Department of Curriculum and Instruction Development, Basic education core curriculum B.E. 2551. Bangkok: Cooperative of Thai Agricultural Printing Press. [In Thai].
Nopawan Punsua, (2018). Development of pictures reading activities package on Kindergarten students’ cognitive development skills.Lawa Sri Journal, Thepsatri Rajabhat University. 2(1), 27-36. [In Thai].
Patcharin Bootsanthear , (2019). The Development Of Comprehensive Reading Abilities Of Mattayom 3 Students By Using Task Based Learning Approach With Bloom’s Taxonomy Questions. Graduate School: Silpakorn University, [In Thai].
Pongthep Jiraro. (2024). Teaching materials: Research for learning development. Faculty of Education St. Theresa International College. [In Thai].
Sirima Phinyo-anantapong. (2002). New Trends in Organizing and Evaluating Early Childhood Education, Bangkok: Srinakharinwirot University. p. 12. [In Thai].
Wimonrat Sunthonroj. (2006), Innovation based on the Backward Design concept. Department of Curriculum and Instruction, Faculty of Education, Mahasarakham University, [In Thai].