การศึกษาแนวทางการยกระดับศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางให้หลุดพ้นจากความยากจน

ผู้แต่ง

  • กษิดิส ศักดิ์ไชยกุล สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • มิ่งขวัญ วีระชาติ
  • รุ่งทิวา ปินใจ
  • นภาลัย หลักมั่น
  • กฤตภาส โพธิ์แก้ว
  • ณภัทร วิศวะกุล
  • ธงชัย ภูวนาถวิจิตร
  • ทรงสุดา ภู่สว่าง
  • ทรงพันธ์ ตันตระกูล
  • ส่งเสริม แสงทอง
  • ปริวิทย์ ไวทยาชีวะ

คำสำคัญ:

ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล, พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง แนวทางการยกระดับศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ให้หลุดพ้นจากความยากจน มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากลไกการขับเคลื่อนและผลการดำเนินงานศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลต้นแบบสำหรับเป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต 2) เพื่อศึกษาแนวทางการขยายผลศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลอย่างมีส่วนร่วม และ 3) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และแนวทางการจัดตั้งและการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

            ศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล จัดตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดการพัฒนาการให้บริการสังคมแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และการใช้ชุมชนเป็นฐานในการให้บริการ ตามภารกิจและบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางและประชาชนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในระดับพื้นที่ เน้นการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการจัดตั้งและร่วมบริหารจัดการ ที่ผ่านมาพบว่า แนวทางการจัดตั้งและบริหารจัดการยังคงขาดความชัดเจน ทำให้กลไกดังกล่าวยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง จึงต้องมีการศึกษาถึงแนวทางในการยกระดับ จากศูนย์ต้นแบบในพื้นที่ศึกษา 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ที่ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานการดำเนินงาน รวม 24  แห่งเพื่อเป็นพื้นที่นำร่อง ขยายผลให้ศูนย์อื่น ๆ เป็นแนวทางต่อไป

            ผลการศึกษา กลไกการขับเคลื่อนแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1) ระดับกระทรวง 2) ระดับจังหวัด 3)  ระดับตำบล และในระดับตำบล แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามการจัดตั้ง คือ 1) จัดตั้งโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ2) จัดตั้งโดยภาคประชาชน ผลการดำเนินงานของศูนย์ต้นแบบในพื้นที่ศึกษาอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยรวม 3.76 โดยเฉพาะการจัดสภาพแวดล้อม มีค่าเฉลี่ยรวมสูงที่สุด 3.87 การดำเนินการอยู่ในระดับมาก รองลงมาการบูรณาการร่วมมือ มีค่าเฉลี่ยรวม 3.76 กลไกการขับเคลื่อนและการบริหารจัดการ การจัดกิจกรรมและบริการ มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกัน คือ 3.74 และ 3.73 ด้านคุณภาพการให้บริการ มีค่าเฉลี่ยรวม 3.68 มีการกำหนดกรอบแนวทางวิธีการการจัดทำแผนงาน โครงการหรือกิจกรรมการขับเคลื่อนศูนย์สำหรับกลุ่มเปราะบางและประชาชนในพื้นที่  มีการวางแผน แก้ไขปัญหา ช่วยเหลือ และการส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจากการศึกษาศูนย์ต้นแบบมีจุดแข็งที่สำคัญ ได้แก่ การมีเครือข่ายหลากหลายร่วมดำเนินงาน คณะกรรมการ/คณะทำงานมีความรู้ความสามารถทางวิชาชีพของตนเอง การส่งเสริมอาชีพด้านต่าง ๆ และความรู้นอกตำราเรียน บุคลากรมีความพร้อมในการจัดกิจกรรมและบริการแก่กลุ่มเป้าหมาย มีอาคารสถานที่ที่เหมาะสม ผู้บริหารในพื้นที่ให้ความสำคัญ ส่วนจุดอ่อน ได้แก่ คณะทำงาน/คณะกรรมการ ยังไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ ความสำคัญ ความเป็นมาในการจัดตั้ง และแนวทางการดำเนินงาน ขาดการสนับสนุนงบประมาณ การขับเคลื่อนหลักยังเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีภาระงานหลากหลาย และประชาชนยังไม่รู้จักและไม่เข้าใจบทบาทของศูนย์ โอกาส ได้แก่ มีหน่วยงานหลายภาคส่วนให้ความร่วมมือ สนับสนุน และจัดสรรทรัพยากร พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงาน และร่วมบูรณาการการทำงาน มีกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล หรือกลไกอื่น ๆ เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง และภาคประชาชนให้ความสำคัญจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลภาคประชาชน อุปสรรค ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลซ้ำซ้อนกับการจัดตั้งศูนย์และกลไกอื่น ๆ ในพื้นที่ ประชาชนในพื้นที่เคยชินกับการจัดสวัสดิการจากภาครัฐ จึงมีความคาดหวังจากภาครัฐมากกว่าการพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะการเคยชินกับการเป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ เครื่องอุปโภคบริโภค นโยบายของรัฐมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยทำให้ขาดความต่อเนื่องของการดำเนินงาน มีงบประมาณ และทรัพยากรอย่างจำกัด ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการทำงาน

แนวทางการขยายผลแบบมีส่วนร่วม ได้แก่ 1) กำหนดนโยบายการขับเคลื่อนภารกิจที่ชัดเจน ไม่ทับซ้อนกับการทำงานของหน่วยงานอื่น ๆ 2) จัดทำระเบียบหรือกฎหมายรองรับ 3) พัฒนาศักยภาพคณะกรรมการ/คณะทำงานอย่างต่อเนื่อง 4) ถอดบทเรียนการดำเนินงาน และ5) ประสานหน่วยงานทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน

ข้อเสนอแนะจากผลงานวิจัย ได้แก่ ข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล 1) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควรจัดทำระเบียบหรือกฎหมายรองรับการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล 2) ควรให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลอย่างต่อเนื่อง 3) ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการ/คณะทำงานของศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลอย่างต่อเนื่อง และ4) ควรสนับสนุนการสร้างพื้นที่ต้นแบบเพื่อขยายผลไปพื้นที่อื่น และข้อเสนอแนะแนวทางการจัดตั้งและบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วม สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กร หรือภาคประชาชนที่มีความประสงค์ในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล 1) การคัดเลือกคณะกรรมการ/คณะทำงาน ควรประกอบด้วย ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และจิตอาสา จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน และชี้แจงบทบาทหน้าที่ในแต่ละตำแหน่ง 2) การกำหนดภารกิจและบทบาทหน้าที่ ควรกำหนดแนวทางการดำเนินงาน เน้นการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมทุกมิติ มีระบบประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดสวัสดิการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นศูนย์กลางการบูรณาการความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์การดำเนินงาน ติดตาม ประเมินผลและรายงานให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบและถอดบทเรียนการดำเนินงาน 3) จัดเตรียมสถานที่ที่เหมาะสม ควรเข้าถึงสะดวก มีสภาพแวดล้อมที่ดี พื้นที่บริการที่เพียงพอ จัดทำป้ายชื่อศูนย์ กำหนดจุดรับเรื่อง และแผนผังขั้นตอนกระบวนการรับเรื่อง 4) การจัดทำกระบวนการรับเรื่อง ควรบันทึกข้อมูลในทะเบียนรับเรื่องร้องทุกข์ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ ดำเนินการประสานส่งต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือที่ครอบคลุม บันทึกข้อมูลผลการช่วยเหลือ และรายงานผลให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ 5) การกำหนดมาตรฐานการดำเนินงาน ควรมีองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดกิจกรรมและบริการ ด้านกลไกการขับเคลื่อนและการบริหารจัดการ ด้านการบูรณาการความร่วมมือ ด้านคุณภาพของการให้บริการ ด้านการจัดสภาพแวดล้อม ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป ควรศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพ สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับกลุ่มเปราะบางในชุมชนภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล เพื่อการพึ่งพาตนเองในระยะยาว และแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของกลุ่มเปราะบาง

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2564). คู่มือการดำเนินงานศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล. กรุงเทพมหานคร:

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2565). คู่มือประเมินการดำเนินงานศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล. กรุงเทพมหานคร. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.

ซาราห์ บินเย๊าะ. (2566). รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนกลุ่มชาติพันธุ์มานิ (โอรังอัสลี). https://ebooks.m-society.go.th/ebooks/download/806

ปรัชญา เวสารัชช์. (2528). การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมเพื่อพัฒนาชนบท. กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

เพชรฤกษ์ แทนสวัสดิ์. (2567). การพัฒนารูปแบบการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ จังหวัดเพชรบุรี. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 47(1). https://thaidj.org/index.php/tjha/article/view/15389/12213

สหประชาชาติประเทศไทย. (2565). เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน. https://thailand.un.org/th/about/about-the-un

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2567) .รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ปี 2567. https://www.nesdc.go.th/wordpress/wp-content/uploads/2025/09/Final-Report-2024_as-of-20250912.pdf

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-30

รูปแบบการอ้างอิง

ศักดิ์ไชยกุล ก., วีระชาติ ม., ปินใจ ร., หลักมั่น น., โพธิ์แก้ว ก., วิศวะกุล ณ., ภูวนาถวิจิตร ธ., ภู่สว่าง ท., ตันตระกูล ท., แสงทอง ส., & ไวทยาชีวะ ป. . (2025). การศึกษาแนวทางการยกระดับศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางให้หลุดพ้นจากความยากจน. วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย, 1(3). สืบค้น จาก https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2587