วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH <p>วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เป็นวารสารวิชาการของสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ งานวิจัย นวัตกรรมด้านสังคมสงเคราะห์ และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสังคมสงเคราะห์ให้กับนักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการ นักศึกษา และผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ</p> <p>วารสารฯ รับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในด้านวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ สมาชิกสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ 4 ประเภท ได้แก่ สมาชิกสามัญ สมาชิกวิสามัญ สมาชิกสมทบ สมาชิกกิตติมศักดิ์ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ และผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ</p> <p>กระบวนการพิจารณาบทความ : บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review)</p> <p>ประเภทของบทความ : บทความวิชาการ บทความวิจัย บทวิจารณ์หนังสือ</p> <p>ภาษาที่รับตีพิมพ์ : ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ</p> <p>กำหนดการตีพิมพ์วารสาร : วารสารตีพิมพ์ 3 ฉบับต่อปี ดังนี้</p> <p> ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน</p> <p> ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม</p> <p> ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม</p> <p>จำนวนบทความที่ตีพิมพ์: ไม่เกิน 6 เรื่องต่อฉบับ</p> <p>เจ้าของวารสาร : สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์</p> <p>การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ :</p> <p>ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์บทความ เฉพาะปีที่ 1 ฉบับที่ 1-3 และปีที่ 2 ฉบับที่ 1-3</p> <p>โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์ บทความละ 2,000 บาท ตั้งแต่ปีที่ 3 ฉบับที่ 1-3 เป็นต้นไป สำหรับสมาชิกสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ บทความละ 1,800 บาท</p> สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ th-TH วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย <p><em>Journal of JSWPCT is licensed under a Creative Commons </em><a href="https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/"><em>Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)</em></a><em> licence, unless otherwise stated. Please read our Policies page for more information</em></p> บทบาทและความท้าทายของนักสังคมสงเคราะห์ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : กรณีศึกษาบริการกลุ่มสนับสนุนครอบครัวและผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในชุมชน https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2014 <p>สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Complete-Aged Society) หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ควรได้รับความสนใจคือภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชน บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอสถานการณ์ภาวะสมองเสื่อมในระดับชุมชน รูปแบบการจัดบริการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในประเทศไทย บทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ และข้อเสนอแนวทางการพัฒนาบทบาทนักสังคมสงเคราะห์ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้วิธีการศึกษาในรูปแบบ กรณีศึกษา (case study) ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการประยุกต์ใช้แนวคิด Dementia Café จำนวน 5 แห่ง โดย การสัมภาษณ์ การศึกษาเอกสาร และการสังเกตการณ์ภาคสนาม ผลการศึกษาพบว่านักสังคมสงเคราะห์มีบทบาทสำคัญในการประเมินบริบทครอบครัว การให้การปรึกษา และการประสานงานข้ามหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อท้าทายที่สำคัญ ได้แก่ (1) ข้อจำกัดของหลักสูตรการศึกษาสาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ในระดับอุดมศึกษา (2) การยอมรับบทบาทของวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ในบริบทการดูแลภาวะสมองเสื่อมยังมีจำกัด (3) การขาดองค์ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์เฉพาะทางของนักสังคมสงเคราะห์ (4) การขาดแคลนโปรแกรมและระบบบริการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมและผู้ดูแลในครอบครัว (5) การปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์ที่ยังไม่ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย และ (6) กลไกการคุ้มครองสุขภาพและสังคมที่ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริบทผู้ป่วยสมองเสื่อม ทั้งนี้ ได้เสนอแนะให้ จัดทำแผนปฏิบัติการคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้มีภาวะสมองเสื่อมระดับชาติแบบบูรณาการ ส่งเสริมบทบาทของทีมสหวิชาชีพ และภาครัฐควรสนับสนุนทรัพยากร งบประมาณ บุคลากรและให้องค์ความรู้แก่นักสังคมสงเคราะห์ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้สามารถวางแผนและจัดบริการตามบริบทพื้นที่ในการออกแบบและริเริ่มพัฒนาโปรแกรมการให้บริการสำหรับผู้มีภาวะสมองเสื่อมในชุมชนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง</p> ณัฏฐพัชร สโรบล ภากร เทพสุขเอี่ยม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-02 2025-09-02 1 2 การดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2068 <p>โครงการวิจัยนี้ศึกษาการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ ประกอบด้วย การศึกษาสถานการณ์การใช้ชีวิตและเส้นทางหรือแบบแผนการใช้ชีวิต และวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์เชิงลึกและการสนทนากลุ่มกับผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ กำหนดอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป เก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายด้วยการเจาะจง จากนั้นจึงสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบลูกโซ่ (Snowball Sampling) รวม 23 ราย กลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่ใน 6 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 7 โดยการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยนี้ใช้การจำแนก ตีความเนื้อหาและวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า</p> <p>สถานการณ์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 7 ประกอบด้วย มิติด้านครอบครัว มิติด้านการศึกษา มิติที่ด้านการประกอบอาชีพ มิติที่ด้านสังคม/ชุมชน มิติที่ด้านการแสดงออก จากกระบวนการสังเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่าง ทั้งสิ้น 23 ราย จำแนกรูปแบบการใช้ชีวิตได้ 3 รูปแบบ โดยรูปแบบดังกล่าวสอดคล้องกับทฤษฎีมาสโลว์ (Maslow) ดังนี้</p> <p><u>รูปแบบที่ 1</u> ความต้องการทางร่างกาย ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของการดำเนินชีวิต ในกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย ประกอบอาชีพรับจ้าง และเกษตรกรรมสถานการณ์การใช้ชีวิต คือ มิติด้านครอบครัว ครอบครัวยังไม่ยอมรับและปิดกั้นในเพศสภาพ บิดาหรือมารดาอยากให้ลูกเป็นไปตามเพศโดยกำเนิด มิติด้านการศึกษา อาจจะไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองเท่าที่ควร แต่จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสิ่งที่ตนเองถนัด เช่น การทำนา ทำไร่ ผู้ให้ข้อมูลจะรู้ว่าทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดีคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด มิติด้านการประกอบอาชีพ บิดามารดาและผู้ให้ข้อมูลเป็นครอบครัวเกษตรกรรม เป็นการสืบทอดสานต่อการทำไร่ ทำนา มาตั้งแต่ดั้งเดิม เป็นการทำเกษตรแบบพอเพียง ยั่งยืน การใช้ชีวิตจึงไม่ถือว่ามีความยากลำบาก ถึงแม้มีรายได้ที่ไม่มั่นคง แต่ก็เพียงพอในการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่มีความเดือดร้อนทางด้านการเงิน และมีความสุขกับวิถีชีวิตแบบพอเพียง มิติด้านสังคมและชุมชน เข้าร่วมกิจกรรมบ้างถ้าไม่ติดงานในช่วงฤดูทำไร่ ทำนา มิติด้านการแสดงออก ต้องการอิสระในการใช้ชีวิต และแสวงหาความรักแบบคู่ชีวิต</p> <p><u>รูปแบบที่ 2</u> ความต้องการความรักและสังคม กลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาระดับอนุปริญญาถึงปริญญา ประกอบอาชีพรับราชการ ข้าราชการบำนาญ และธุรกิจส่วนตัว เปิดบริการค้าขาย สถานการณ์การใช้ชีวิต คือ ด้านครอบครัว ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่อบอุ่นเท่าที่ควร เกิดจากการยังไม่เปิดใจยอมรับ ไม่บีบบังคับแต่พยายามกำหนดทางเดินชีวิตให้ ด้านการศึกษา ใฝ่เรียนรู้ และแสวงหาโอกาสให้ตนเอง พัฒนาตนเองและแสดงความสามารถศักยภาพของตนที่สูงกว่าบุคคลทั่วไปเพื่อให้ได้รับการยอมรับ ด้านการประกอบอาชีพ บิดามารดามีอาชีพทั้งมั่นคงและไม่มั่นคง ส่วนผู้ให้ข้อมูลมีอาชีพที่มั่นคงในสายอาชีพ และมั่นคงในด้านรายได้ ด้านสังคม<a href="#_ftn1" name="_ftnref1">[1]</a>และชุมชน สมัยเรียนเพื่อนบางกลุ่ม ไม่ยอมรับในเพศสภาพ มีการ Bully ด้วยวาจาที่รุนแรง ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ ทำให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกมีแผลในใจ เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนและสังคม ด้วยจิตอาสา ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ด้วยความเต็มใจ ด้านการแสดงออก จะชัดเจนในเรื่องของความรัก ต้องการความรักแบบไม่ยึดติด</p> <p><u>รูปแบบที่ 3</u> ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือ ในกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป ประกอบอาชีพรับราชการ ข้าราชการบำนาญ และธุรกิจส่วนตัว สถานการณ์การใช้ชีวิต คือ ด้านครอบครัว มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่น ให้ความยอมรับในเพศสภาพ ไม่กดหรือบังคับ ส่งผลให้ผู้ให้ข้อมูลเป็นคนมองโลกในแง่ดี ด้านการศึกษา ได้รับโอกาสในการศึกษาที่ดี เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถจนเป็นที่ประจักษ์มีการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ด้านการประกอบอาชีพ บิดามารดาและผู้ให้ข้อมูล มีอาชีพการงานที่มั่นคง มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพของตนเอง มีฐานะทางการเงินและสังคมที่ดี ด้านสังคมและชุมชน เป็นแกนนำหลักในการทำกิจกรรมของสังคมและชุมชน ได้รับความเคารพนับถือ ด้านการแสดงออก มีทั้งแสดงออกและไม่แสดงออกในเพศสภาพ ต้องการให้สังคมในที่ทำงานยอมรับ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ ในเรี่องความรักจะไม่แสวงหาความรักแบบคู่ชีวิต จุดศูนย์กลางความสุข คือ ครอบครัว</p> <p>ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤฒพลังของกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ 1) สภาพครอบครัว 2) ฐานะทางเศรษฐกิจ 3) โอกาสทางการศึกษา 4) ชุมชนสังคม และ 5) การแสดงออก โดยเริ่มจาก<u>ครอบครัว</u>ที่ไม่มีการอบรมเลี้ยงดูให้ความรักความอบอุ่น ไม่มีสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว เป็นครอบครัวที่ไม่ยอมรับปิดกั้นในความหลากหลายทางเพศ ด้าน<u>รายได้</u> หากครอบครัวมีสภาพเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างทั่วไป ค้าขาย กลุ่มนี้จะมีที่ดินน้อยหรือไม่มีที่ทำกิน เงินทุนน้อย อีกทั้งยังมีการเช่าที่ดิน ที่อยู่อาศัยเพื่อประกอบอาชีพ ด้าน<u>การศึกษา</u>ส่วนใหญ่ระดับการศึกษาของบิดามารดา มีข้อมูลสัมพันธ์กับระดับการศึกษาของกลุ่มผู้ให้ข้อมูล โดยในกลุ่มบิดามารดาที่ได้รับการศึกษาต่ำกว่าระดับพื้นฐานจะส่งผลให้บุตรมีโอกาสในการเข้ารับการศึกษาในระดับพื้นฐานด้วยเช่นกัน ด้าน<u>ชุมชนสังคม</u> เป็นชุมชนที่ไม่มีการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ส่งผลกระทบให้คนในชุมชนมีการล้อเลียนเรื่องเพศสภาพกับผู้ที่มีหลากหลายทางเพศและคนในครอบครัวด้วย ด้าน<u>การแสดงออก</u> เป็นพฤติกรรมมีลักษณะที่สำคัญ มีการแสดงออกที่ชัดเจนตามเพศสภาพของตนเอง ต้องการ การยอมรับจากกลุ่มคนในสังคม โดยจะคบเพื่อนที่มีเพศสภาพคล้ายคลึงกัน หรือเหมือนกัน และต้องการความรักความเข้าใจในเรื่องเพศสภาพ และสุดท้าย คือ ต้องการอิสระในการใช้ชีวิต</p> <p>โดยสรุป ปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวถึงมีผลต่อการยอมรับหรือไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ<br />ในสังคมไทย และส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและการเลือกตัดสินใจของบุคคล และสะท้อนถึงลักษณะของผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิต หรือพฤฒพลังอยู่ในระดับอ่อนไหว ขณะที่กลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่มีสภาพพฤฒพลัง อยู่ในระดับดีมาก ก็จะมีสถานการณ์ของปัจจัยทั้งห้าอยู่ในลักษณะตรงกันข้าม</p> <p>การพัฒนาแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ <br />จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศและผลงานวิจัยเบื้องต้น ได้รูปแบบแนวทางการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมาย 3 แนวทาง ดังนี้ (1) การสร้างความสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจภายในครอบครัว (2) การสร้างความสัมพันธ์และการสร้างความเข้าใจในชุมชนและสังคม (3) การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ</p> <p> </p> <p> </p> <p><strong>ข้อเสนอแนะงานวิจัยจากผลงานวิจัย</strong> 1) กรมกิจการผู้สูงอายุ ควรมอบหมายให้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ดำเนินการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางสังคม 2) กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวควรมอบหมายให้ศูนย์พัฒนาครอบครัว (ศพค.) ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขับเคลื่อนกิจกรรมเรียนรู้การทำหน้าที่ของครอบครัว การปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวอย่างเท่าเทียม สร้างความสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ ยอมรับในครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ และเพิ่มเติมหลักสูตรครอบครัวยอมรับ เข้าใจ ความหลากหลายทางเพศ ในหลักสูตรโรงเรียนครอบครัว โดยมี<strong>ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยครั้งต่อไป</strong> คือ ควรมีการขยายขอบเขตของกลุ่มตัวอย่าง เพื่อศึกษาสถานการณ์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศในบริบทสังคมและวัฒนธรรมที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศให้ครอบคลุมมากขึ้น</p> <p><a href="#_ftnref1" name="_ftn1"></a></p> คุณัญญา สมวงศ์ติกุล บงกช สัจจานิตย์ น้ำทิพย์ พวงระย้า ฐินันชาพัฒน์ อนุวงศ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-02 2025-09-02 1 2 บทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ชุมชนในการออกแบบโปรแกรมการเล่นเพื่อการส่งเสริม การออกกำลังกายแนวใหม่ (Pocket Park): กรณีศึกษาเทศบาลเมืองบึงยี่โถ จังหวัดปทุมธานี https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2070 <p><strong>การสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี</strong> เป็นกระบวนการที่ผู้สูงอายุสามารถพัฒนาและรักษาความสามารถในการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันไว้ได้โดยอาศัยแนวทางแบบมีส่วนร่วม ซึ่งสมาชิกในชุมชนร่วมมือกันในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับคนทุกช่วงวัย บทความนี้มุ่งเน้นการนำเสนอบทบาทที่สำคัญของนักสังคมสงเคราะห์ชุมชนในการออกแบบและส่งเสริมการออกกำลังกายแนวใหม่ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า <strong>Pocket Park</strong> โดยใช้กรอบการออกแบบโปรแกรมการเล่น 6 ขั้นตอนเป็นกรอบแนวคิดหลัก วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อศึกษาบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ชุมชนในการออกแบบโปรแกรมการเล่นเพื่อการส่งเสริมการออกกำลังกายแนวใหม่ (Pocket Park) วิธีการศึกษา ประกอบด้วย การลงมือปฏิบัติในพื้นที่ <br />การสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ และการสังเกตการใช้อุปกรณ์การออกกำลังกายแนวใหม่ (Pocket Park) บทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ในการส่งเสริมการออกกำลังกายแนวใหม่ประกอบด้วย บทบาทในการออกแบบโปรแกรมการเล่น ประกอบด้วย 1) การเสริมสร้างความตระหนักและการรับรู้ด้านการดูแลตนเองผ่านการออกกำลังกาย 2) การจัดทำคู่มือและสาธิตวิธีการออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ 3) การทดสอบสมรรถภาพทางกาย 4) การปฏิบัติจริงและการบันทึกกิจกรรมออกกำลังกาย 5) การจัดกิจกรรมอภิปรายกลุ่มย่อยและการทำกิจกรรมกลุ่ม และ 6) การสะท้อนผลการปฏิบัติ การชี้แนะอุปสรรค และการเสริมพลังใจอย่างต่อเนื่อง และ บทบาทในการทำงานแบบทีมสหวิชาชีพร่วมกับนักกายภาพบำบัดและนักสันทนาการ บทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เปิดปัจจัยนำเข้า ได้แก่ การสร้างความตระหนักเรื่องความเสี่ยง การทำกลุ่มสนับสนุน การให้ความรู้ในการใช้อุปกรณ์ การสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้สูงอายุ ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมการเล่นจึงมีความสำคัญมาก ดังนั้น ข้อเสนอแนะสำคัญคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันแบบทีมสหวิชาชีพในการออกแบบโปรแกรมการเล่นโดยให้ความสำคัญกับบทบาทนักสังคมสงเคราะห์ ควรจัดกิจกรรมให้ความรู้ ข้อแนะนำและการสื่อสารให้เห็นถึงประโยชน์ของอุปกรณ์การออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมให้เกิดความตระหนักและการรับรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสม และควรส่งเสริมการจัดบริการที่ผนวกเข้ากับการจัดบริการของอปท. โดยจัดให้มีผู้แนะนำ (Coach) ซึ่งอาจเป็นผู้ปฏิบัติงานของเทศบาล ผู้นำชุมชนหรืออาสาสมัครในการสวมบทบาทของผู้แนะนำและกระตุ้นให้เกิดการเล่นอุปกรณ์อย่างเหมาะสมและคอยให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำ คอยดูแลกำกับเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงขณะเล่นอุปกรณ์</p> ณัฏฐพัชร สโรบล สมเกียรติ แก้วเกาะสะบ้า ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-02 2025-09-02 1 2 การประยุกต์ใช้ศิลปะบำบัดในการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุระยะท้าย : กรณีศึกษาโครงการสวนดอกไม้ในเรือนนอนตายาย https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2175 <p>บทความวิชาการนี้นำเสนอการประยุกต์ใช้ศิลปะบำบัดผ่านโครงการ “สวนดอกไม้ในเรือนนอนตายาย<a href="#_ftn1" name="_ftnref1">[1]</a>” ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยระยะท้าย การสำรวจเบื้องต้นสะท้อนว่าผู้สูงอายุจำนวนมากเผชิญข้อจำกัดด้านพื้นที่และภาวะทางจิตใจจากสภาพแวดล้อมที่ขาดการกระตุ้นทางสุนทรียะ การปรับพื้นที่ด้วยองค์ประกอบทางศิลปะ เช่น ภาพถ่ายดอกไม้และการวาดภาพเพดานเป็นท้องฟ้า ช่วยลดความเครียดและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย</p> <p>ผลการเก็บข้อมูลผู้ป่วย 38 ราย พบว่า กลุ่มที่พักในอาคารที่ได้รับการปรับปรุงด้วยศิลปะ (7 ราย) มีการใช้ยาบรรเทาปวดลดลงอย่างเด่นชัด ขณะที่กลุ่มเปรียบเทียบ (31 ราย) ยังคงใช้ยาในระดับสูง โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 67.50 บาทต่อคนต่อเดือน นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่มีภาวะทางจิตเวชในกลุ่มปรับปรุง 2 ราย มีอาการทุเลาลง ลดการใช้ยาต้านอาการทางจิต และลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรายละ 154 บาทต่อเดือน อีกทั้งยังมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น</p> <p>โครงการนี้ยังสะท้อนบทบาทของการมีส่วนร่วมในกรอบ “ชุมชนกรุณา” ที่มุ่งสร้างเครือข่ายเกื้อกูลบนฐานของความรักและความเมตตา ผลการดำเนินงานยืนยันว่าการบูรณาการศิลปะบำบัดกับการออกแบบสิ่งแวดล้อมเชิงบวก มีศักยภาพในการลดภาระการใช้ยาและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุระยะท้ายอย่างยั่งยืน</p> <p><strong>คำสำคัญ:</strong> การปรับสภาพแวดล้อม, ผู้สูงอายุระยะท้าย, คุณภาพชีวิต</p> อรอุมา อินทฉาย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-03 2025-09-03 1 2 สังคมสูงอายุ และสังคมอายุยืน : แนวทางการพัฒนาบริการเพื่ออนาคต https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2043 <p>การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 และเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2566 และคาดว่าจะเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอดในปี 2583 ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 13.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.8 ของประชากรทั้งหมด และมีผู้ที่มีอายุเกิน 100 ปี หรือศตวรรษิกชนเพิ่มขึ้นเป็น 40,460 คน อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 78.1 ปี โดยสถานการณ์ทั้งสองนี้ก่อให้เกิดความท้าทายต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสวัสดิการสังคม จำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อรองรับสถานการณ์นี้ต่อไป โดยแนวทางการพัฒนาบริการที่สำคัญ คือการกำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายตามแนวคิดการเป็นผู้สูงวัยอย่างมีพลัง (active aging) การเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์เชิงลบที่มีต่อผู้สูงอายุและการให้บริการ ทิศทางการจัดบริการในอนาคตควรเป็นไปตามแนวคิดการสูงวัยในถิ่นที่อยู่ ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหรือชุมชนเดิมอย่างปลอดภัยและเป็นอิสระ และการใช้แนวคิด เทคโนโลยีสวัสดิการ เป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการให้บริการในอนาคต</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>สังคมสูงอายุ, สังคมอายุยืน, การพัฒนา, บริการ, อนาคต</p> ศศิพัฒน์ ยอดเพชร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-03 2025-09-03 1 2 การพัฒนาอาชีพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนคนจนชานเมือง กรุงเทพมหานคร https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2029 <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การประกอบอาชีพของผู้สูงอายุในชุมชนคนจนเมือง เขตลาดกระบัง และ 2) เพื่อพัฒนากลุ่มอาชีพของผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยการพัฒนารูปแบบและระบบการผลิต การจัดจำหน่าย และการบริหารจัดการของกลุ่มอาชีพผู้สูงอายุในชุมชน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเพื่อท้องถิ่น (Community Based Research) เน้นกระบวนการสร้างชาวบ้านให้เป็นนักวิจัยร่วมกันดำเนินโครงการวิจัยทั้งในระยะต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ พบว่าชุมชนคนจนชานเมืองในเขตลาดกระบัง เคยมีภูมิปัญญาด้านการทำอาชีพอาหารในหลากหลายรูปแบบ แต่ปัจจุบันได้สูญหายไป ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาอาชีพผู้สูงอายุในชุมชนคนจนชานเมือง ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพในระดับบุคคลของสมาชิกลุ่มอาชีพผู้สูงอายุ การพัฒนาศักยภาพระดับกลุ่มโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ส่งเสริมการทำงานร่วมกันของสมาชิกกลุ่มของคน 3 วัยคือ ผู้สูงอายุ วัยกลางคน และเยาวชน รวมถึงการพัฒนารูปแบบและระบบการผลิต การจัดจำหน่าย และการบริหารจัดการกลุ่มอาชีพผู้สูงอายุในชุมชน ต้องมีรูปแบบและระบบการผลิตโดยมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบที่ชัดเจนตามโครงสร้างการบริหารได้แก่ ฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบและทำการผลิต ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายการตลาดออนไลน์และออฟไลน์</p> <p><strong> </strong><strong>คำสำคัญ: </strong>การพัฒนาอาชีพผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วม, การสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจฐานราก, ชุมชนคนจนชานเมือง</p> เพ็ญประภา ภัทรานุกรม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-03 2025-09-03 1 2 บทวิจารณ์หนังสือ https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2095 <p>หนังสือ The Routledge International Handbook to Welfare State Systems เป็นหนังสือรวมบทความ บรรณาธิกร คือ Christian Aspalter เป็นหนังสือที่มีคุณค่าเหมาะสำหรับนักศึกษาและนักวิชาการนโยบายสังคมเป็นอย่างยิ่ง&nbsp;</p> กิติพัฒน์ นนทปัทมะดุลย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-03 2025-09-03 1 2