การดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ
บทคัดย่อ
โครงการวิจัยนี้ศึกษาการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ ประกอบด้วย การศึกษาสถานการณ์การใช้ชีวิตและเส้นทางหรือแบบแผนการใช้ชีวิต และวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์เชิงลึกและการสนทนากลุ่มกับผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ กำหนดอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป เก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายด้วยการเจาะจง จากนั้นจึงสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบลูกโซ่ (Snowball Sampling) รวม 23 ราย กลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่ใน 6 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 7 โดยการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยนี้ใช้การจำแนก ตีความเนื้อหาและวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า
สถานการณ์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 7 ประกอบด้วย มิติด้านครอบครัว มิติด้านการศึกษา มิติที่ด้านการประกอบอาชีพ มิติที่ด้านสังคม/ชุมชน มิติที่ด้านการแสดงออก จากกระบวนการสังเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่าง ทั้งสิ้น 23 ราย จำแนกรูปแบบการใช้ชีวิตได้ 3 รูปแบบ โดยรูปแบบดังกล่าวสอดคล้องกับทฤษฎีมาสโลว์ (Maslow) ดังนี้
รูปแบบที่ 1 ความต้องการทางร่างกาย ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของการดำเนินชีวิต ในกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย ประกอบอาชีพรับจ้าง และเกษตรกรรมสถานการณ์การใช้ชีวิต คือ มิติด้านครอบครัว ครอบครัวยังไม่ยอมรับและปิดกั้นในเพศสภาพ บิดาหรือมารดาอยากให้ลูกเป็นไปตามเพศโดยกำเนิด มิติด้านการศึกษา อาจจะไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองเท่าที่ควร แต่จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสิ่งที่ตนเองถนัด เช่น การทำนา ทำไร่ ผู้ให้ข้อมูลจะรู้ว่าทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดีคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด มิติด้านการประกอบอาชีพ บิดามารดาและผู้ให้ข้อมูลเป็นครอบครัวเกษตรกรรม เป็นการสืบทอดสานต่อการทำไร่ ทำนา มาตั้งแต่ดั้งเดิม เป็นการทำเกษตรแบบพอเพียง ยั่งยืน การใช้ชีวิตจึงไม่ถือว่ามีความยากลำบาก ถึงแม้มีรายได้ที่ไม่มั่นคง แต่ก็เพียงพอในการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่มีความเดือดร้อนทางด้านการเงิน และมีความสุขกับวิถีชีวิตแบบพอเพียง มิติด้านสังคมและชุมชน เข้าร่วมกิจกรรมบ้างถ้าไม่ติดงานในช่วงฤดูทำไร่ ทำนา มิติด้านการแสดงออก ต้องการอิสระในการใช้ชีวิต และแสวงหาความรักแบบคู่ชีวิต
รูปแบบที่ 2 ความต้องการความรักและสังคม กลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาระดับอนุปริญญาถึงปริญญา ประกอบอาชีพรับราชการ ข้าราชการบำนาญ และธุรกิจส่วนตัว เปิดบริการค้าขาย สถานการณ์การใช้ชีวิต คือ ด้านครอบครัว ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่อบอุ่นเท่าที่ควร เกิดจากการยังไม่เปิดใจยอมรับ ไม่บีบบังคับแต่พยายามกำหนดทางเดินชีวิตให้ ด้านการศึกษา ใฝ่เรียนรู้ และแสวงหาโอกาสให้ตนเอง พัฒนาตนเองและแสดงความสามารถศักยภาพของตนที่สูงกว่าบุคคลทั่วไปเพื่อให้ได้รับการยอมรับ ด้านการประกอบอาชีพ บิดามารดามีอาชีพทั้งมั่นคงและไม่มั่นคง ส่วนผู้ให้ข้อมูลมีอาชีพที่มั่นคงในสายอาชีพ และมั่นคงในด้านรายได้ ด้านสังคม[1]และชุมชน สมัยเรียนเพื่อนบางกลุ่ม ไม่ยอมรับในเพศสภาพ มีการ Bully ด้วยวาจาที่รุนแรง ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ ทำให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกมีแผลในใจ เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนและสังคม ด้วยจิตอาสา ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ด้วยความเต็มใจ ด้านการแสดงออก จะชัดเจนในเรื่องของความรัก ต้องการความรักแบบไม่ยึดติด
รูปแบบที่ 3 ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือ ในกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป ประกอบอาชีพรับราชการ ข้าราชการบำนาญ และธุรกิจส่วนตัว สถานการณ์การใช้ชีวิต คือ ด้านครอบครัว มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่น ให้ความยอมรับในเพศสภาพ ไม่กดหรือบังคับ ส่งผลให้ผู้ให้ข้อมูลเป็นคนมองโลกในแง่ดี ด้านการศึกษา ได้รับโอกาสในการศึกษาที่ดี เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถจนเป็นที่ประจักษ์มีการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ด้านการประกอบอาชีพ บิดามารดาและผู้ให้ข้อมูล มีอาชีพการงานที่มั่นคง มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพของตนเอง มีฐานะทางการเงินและสังคมที่ดี ด้านสังคมและชุมชน เป็นแกนนำหลักในการทำกิจกรรมของสังคมและชุมชน ได้รับความเคารพนับถือ ด้านการแสดงออก มีทั้งแสดงออกและไม่แสดงออกในเพศสภาพ ต้องการให้สังคมในที่ทำงานยอมรับ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ ในเรี่องความรักจะไม่แสวงหาความรักแบบคู่ชีวิต จุดศูนย์กลางความสุข คือ ครอบครัว
ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤฒพลังของกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ 1) สภาพครอบครัว 2) ฐานะทางเศรษฐกิจ 3) โอกาสทางการศึกษา 4) ชุมชนสังคม และ 5) การแสดงออก โดยเริ่มจากครอบครัวที่ไม่มีการอบรมเลี้ยงดูให้ความรักความอบอุ่น ไม่มีสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว เป็นครอบครัวที่ไม่ยอมรับปิดกั้นในความหลากหลายทางเพศ ด้านรายได้ หากครอบครัวมีสภาพเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างทั่วไป ค้าขาย กลุ่มนี้จะมีที่ดินน้อยหรือไม่มีที่ทำกิน เงินทุนน้อย อีกทั้งยังมีการเช่าที่ดิน ที่อยู่อาศัยเพื่อประกอบอาชีพ ด้านการศึกษาส่วนใหญ่ระดับการศึกษาของบิดามารดา มีข้อมูลสัมพันธ์กับระดับการศึกษาของกลุ่มผู้ให้ข้อมูล โดยในกลุ่มบิดามารดาที่ได้รับการศึกษาต่ำกว่าระดับพื้นฐานจะส่งผลให้บุตรมีโอกาสในการเข้ารับการศึกษาในระดับพื้นฐานด้วยเช่นกัน ด้านชุมชนสังคม เป็นชุมชนที่ไม่มีการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ส่งผลกระทบให้คนในชุมชนมีการล้อเลียนเรื่องเพศสภาพกับผู้ที่มีหลากหลายทางเพศและคนในครอบครัวด้วย ด้านการแสดงออก เป็นพฤติกรรมมีลักษณะที่สำคัญ มีการแสดงออกที่ชัดเจนตามเพศสภาพของตนเอง ต้องการ การยอมรับจากกลุ่มคนในสังคม โดยจะคบเพื่อนที่มีเพศสภาพคล้ายคลึงกัน หรือเหมือนกัน และต้องการความรักความเข้าใจในเรื่องเพศสภาพ และสุดท้าย คือ ต้องการอิสระในการใช้ชีวิต
โดยสรุป ปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวถึงมีผลต่อการยอมรับหรือไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมไทย และส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและการเลือกตัดสินใจของบุคคล และสะท้อนถึงลักษณะของผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิต หรือพฤฒพลังอยู่ในระดับอ่อนไหว ขณะที่กลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่มีสภาพพฤฒพลัง อยู่ในระดับดีมาก ก็จะมีสถานการณ์ของปัจจัยทั้งห้าอยู่ในลักษณะตรงกันข้าม
การพัฒนาแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ
จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศและผลงานวิจัยเบื้องต้น ได้รูปแบบแนวทางการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมาย 3 แนวทาง ดังนี้ (1) การสร้างความสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจภายในครอบครัว (2) การสร้างความสัมพันธ์และการสร้างความเข้าใจในชุมชนและสังคม (3) การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ
ข้อเสนอแนะงานวิจัยจากผลงานวิจัย 1) กรมกิจการผู้สูงอายุ ควรมอบหมายให้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ดำเนินการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางสังคม 2) กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวควรมอบหมายให้ศูนย์พัฒนาครอบครัว (ศพค.) ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขับเคลื่อนกิจกรรมเรียนรู้การทำหน้าที่ของครอบครัว การปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวอย่างเท่าเทียม สร้างความสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ ยอมรับในครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ และเพิ่มเติมหลักสูตรครอบครัวยอมรับ เข้าใจ ความหลากหลายทางเพศ ในหลักสูตรโรงเรียนครอบครัว โดยมีข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยครั้งต่อไป คือ ควรมีการขยายขอบเขตของกลุ่มตัวอย่าง เพื่อศึกษาสถานการณ์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศในบริบทสังคมและวัฒนธรรมที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศให้ครอบคลุมมากขึ้น
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Journal of JSWPCT is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) licence, unless otherwise stated. Please read our Policies page for more information