แนวทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาแนวทางและบริบทของแนวทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร 2. เพื่อวิเคราะห์สังเคราะห์เปรียบเทียบแนวทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร และ 3. เพื่อเสนอแนะแนวทางทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่แบบสอบถาม
ซึ่งมีผลการวิจัย ดังนี้
น้ำหนักเฉลี่ยด้านสภาพปัญหาของแนวทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวไทย 3 ด้าน มีค่าเท่ากับ 3.04 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.89 แปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง ในขณะที่ด้านความยากจน และด้านความขัดแย้ง เป็นด้านที่มีน้ำหนักด้านเฉลี่ยสูงที่สุด 2 อันดับแรก โดยมีค่าระดับเฉลี่ยได้เท่ากับ 3.07 และ 3.04 ทั้งหมดแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่ง S.D. มีค่าเท่ากับ 0.99 และ 0.74 ตามลำดับ โดยมีด้านความเหินห่าง มีน้ำหนักด้านเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ 3.02 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.93 ซึ่งแปรผลได้ว่า อยู่ในระดับปานกลาง
น้ำหนักเฉลี่ยด้านการวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัว 3 ด้าน เท่ากับ 3.08 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.87 แปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง โดยขณะที่ด้านสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และด้านการการพัฒนาศักยภาพของครอบครัว เป็นด้านที่มีน้ำหนักด้านเฉลี่ยสูงที่สุด 2 อันดับแรก โดยมีค่าระดับเฉลี่ยเท่ากับ 3.14 และ 3.12 ทั้งสองด้านแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก และระดับปานกลาง S.D. มีค่าเท่ากับ 0.85 และ 0.85 ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน ด้านการส่งเสริมความมั่นคงด้านการเงิน มีน้ำหนักด้านเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ 2.99 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.90 แปรผลได้ว่า อยู่ในระดับปานกลาง
ระดับแนวทางการพัฒนาศีลธรรมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร มีน้ำหนักเฉลี่ยทั้งหมด 5 ด้าน เท่ากับ 3.07 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.92 ซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง ในขณะที่ความสามัคคี มีน้ำหนักเฉลี่ยสูงที่สุด เท่ากับ 3.11 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.95 ซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ถัดมาคือ ความเข้าใจ มีน้ำหนักเฉลี่ย เท่ากับ 3.08 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.91 ซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง คุณธรรม มีน้ำหนักเฉลี่ย เท่ากับ 3.07 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.88 ซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง และความรู้ มีน้ำหนักเฉลี่ย 3.06 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.88 ตามลำดับ ส่วนการสนับสนุนมีน้ำหนักเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ เท่ากับ 3.05 S.D. มีค่าเท่ากับ 0.92 โดยแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความนี้
References
กัลยา วานิชย์บัญชา.(2560). หลักสถิติ. พิมพ์ครั้งที่7.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
ธัศฐ์ชาพัฒน์ ยุกตานนท์. (2562). พุทธจริยศาสตร์: ทางเลือกของการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. 6(ฉบับพิเศษ), หน้า 626.
พระวรวรรษ ธมฺมทินฺโน (มีกุล). (2561). วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวตามหลักพุทธธรรม. ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน). (2562). 10 ปรากฏการณ์คุณธรรม จริยธรรมในสังคมไทย. หน้า 16 สืบค้นจาก https://www.moralcenter.or.th/images/Bookevent/.pdf.
สุทธินันท์ หล่อวิไลกุล. (2564). ศีลธรรม ที่เริ่มหายไปจากความเป็นพลเมืองของไทย. วารสารสันติสุข ปริทรรศน์ ปีที่ 2 ฉบับที่2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564), หน้า 46.
สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. (2565). จำนวนประชากร และความ หนาแน่นในเขตกรุงเทพมหานคร 2565. สืบค้นจาก https://webportal.bangkok.go.th/pipd/page/sub/26222/
องค์การบริหารส่วนตำบลรอบเวียง. (2566). โครงการครอบครัวคุณธรรมนำสังคมไทยเข็มแข็ง ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://www.robwieng.go.th/strview-442.html.
MO LINGFEN. (2560). ปัญหาครอบครัวในสังคมไทย: ภาพสะท้อนจากนวนิยายไทยช่วงพ.ศ.2508 – 2557. วิทยานิพนธ์หลักสูตรศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต(การสื่อสารภาษาไทยเป็นภาษาที่ สอง) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rdEd. New York: Harper and Row Publications, p.1088.