แนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ในการปฎิบัติงานของบุคลากรส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ และ (3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ในการปฎิบัติงานของบุคลากรส่วนท้องถิ่น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 400 คน และกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 คน ผู้วิจัยใช้รูปการวิจัยแบบผสมผสาน ระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณใช้สถิติการแจกแจงความถี่ และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการนำเสนอเป็นตารางใช้สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณโดยใช้วิธีการคัดเลือกตัวแปรแบบเป็นลำดับ ประกอบการอภิปรายผล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาโดยคัดเลือกและจําแนกข้อมูล จัดระเบียบข้อมูลให้เป็นระบบ จัดทําบรรณาธิกรณ์ข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล แล้วนําข้อมูลไปเขียนเป็นรายงานตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัย ผลการวิจัยพบว่า : (1) การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ในการปฎิบัติงานของบุคลากรส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ มีค่ามากที่สุด คือ ด้านการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ด้านการสร้างการบริการที่มีคุณภาพและด้านการบริหารจัดการเงินและงบประมาณ ตามลำดับ (2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ในการปฎิบัติงานของบุคลากรส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ด้ารการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม (X1) ด้านการพัฒนาชุมชน (X3) และด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (X5) ตามลำดับ และ (3) จำเป็นจะต้องมีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีเพื่อความสุขของประชาชนในชุมชนอย่างมีคุณภาพการบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยอาศัยภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนในการวางแผนและการติดต่อประสานงานและการสร้างการบริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และควรมีการระดมสมองในการบริหารจัดการเงินและงบประมาณอย่างมีความโปร่งในและตรวจสอบได้เพื่อความอยู่ดี กินดี มีสุข ของประชาชนในชุมชนอย่างมีประสิทธิผล
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความนี้
References
กัลยา วานิชย์บัญชา.(2560). การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ:
ห้างหุ้นส่วนจํากัด สามลดา.
ขัตติยา ด้วงสําราญ. (2564). ศึกษาความสัมพันธ์ภาวะผู้นําของผู้บริหารกับการระดมทรัพยากรของ
โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, วารสารศิลปะการ
จัดการ 5(2), 501 – 512.
จิรัฎฐ์ ฉัตร์เบญจนันท์. (2558). รูปแบบความสัมพันธ์ เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณลักษณะภาวะ
ผู้นําเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. ดุษฎีนิพนธ์ ค.ด.
(การบริหารการศึกษา). ปทุมธานี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระ
บรมราชูปถัมภ์.
ธัชฎามาศ อุไรวรรณ. (2566). รูปแบบการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ที่ส่งผลต่อการจัดบริการ
สาธารณะเขตเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต. วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา 13(1),
-41.
บุญเพ็ง สิทธิวงษา. (2566). การใช้ระบบสื่อสารสารสนเทศพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่
จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิทยสารสนเทศและเทคโนโลยี 4(2), 15-24.
ประดิษฐ์ ดีวัฒนกุล. (2565). การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ที่มีผลต่อการปฏิรูประบบราชการของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ กรุงเทพมหานคร, วารสารรัชต์ภาคย์ 16(48),
-476.
พระณัฐวุฒิ พันทะลี. และคณะ (2566). ความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทยในยุคชีวิตวิถี ใหม่. วารสารสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 5(2), 185-209.
สรวิชญ์ เปรมชื่น. (2562). การส่งเสริมการบริหารจัดการภาครัฐของไทย. วารสารรังสิตบัณฑิตศึกษาใน
กลุ่มธุรกิจและสังคมศาสตร์ 5(1), 214-228.
Yamane, Taro. (1973). Statistics an introductory analysis. New York Harper & Row.