คำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์
คำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์
เพื่อความถูกต้อง รวดเร็ว และทางวารสารจะให้คำตอบรับ/ปฏิเสธการรับตีพิมพ์เผยแพร่บทความนั้น เบื้องต้นทางวารสารขอแนะนำให้ผู้นิพนธ์บทความปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
- ให้ผู้นิพนธ์ตรวจสอบชื่อเรื่องของบทความวิจัยหรือบทความวิชาการ ตรงและสอดคล้องกับ
วัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES หรือไม่
- หากบทความต้นฉบับตรงและสอดคล้องแล้ว ให้ผู้นิพนธ์การจัดเตรียมรูปแบบบทความต้นฉบับ
ให้ถูกต้องตรงตามรูปแบบและการอ้างอิงที่วารสารกำหนด
- เมื่อเตรียมและตรวจบทความต้นฉบับให้ถูกต้องตามรูปแบบบทความที่วารสารกำหนด ตามข้อที่ 1 และ 2 ตลอดจนตรวจสอบพิสูจน์อักษรให้เรียบร้อยแล้ว ผู้นิพนธ์สามารถส่งบทความให้กับบรรณาธิการในระบบได้เลย
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้นิพนธ์บทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความวิชาการหรือบทความวิจัย รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES อย่างเคร่งครัด
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความของผู้นิพนธ์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของคณะบรรณาธิการวารสาร JISES รวมทั้งผู้นิพนธ์จะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำของผลงานด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 20%
ค่าธรรมเนียม
วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจำนวน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อ 1 บทความ โดยผู้นิพนธ์จะต้องตรวจสอบความสมบูรณ์ของบทความตามคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ หากผู้นิพนธ์บทความไม่ปฏิบัติตามกติกา คณะบรรณาธิการวารสารขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการตีพิมพ์ และไม่คืนเงินค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
- บทความมีความซ้ำซ้อนมากกว่า 20% (โปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo)
- ผู้นิพนธ์ไม่ปฏิบัติตามรูปแบบของวารสาร
- บทความไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ
- ผู้นิพนธ์ไม่แก้ไขบทความตามข้อเสนอแนะ ในระยะวันเวลาที่กำหนด (1 เดือน หลังการแจ้งของบรรณาธิการ)
ผู้นิพนธ์สามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านบัญชีธนาคาร.......................................... หมายเลขบัญชี "………………………………" เมื่อชำระแล้ว ให้ส่งหลักฐานแนบในระบบวารสาร และแนบส่งไฟล์หลักฐานไปที่ Email: jises8229@gmail.com หรือไอดี ไลน์: ……………………
ขั้นตอนการส่งบทความ
เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ
สามารถส่งบทความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์วารสารhttps://......................................
- การจัดเตรียมรูปแบบบทความต้นฉบับ
บทความต้นฉบับที่เสนอให้พิจารณาตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ต้องใช้ไฟล์รูปแบบ *.docx ของ Microsoft Word เวอร์ชัน 2010 ขึ้นไป หากบทความต้นฉบับมีรูปภาพในรูปแบบ *.PDF*.JPG*.GIF หรือ *.BMP ความยาวของบทความต้นฉบับต้องมีระว่าง 9-15 หน้าของกระดาษ A4 (รวมบทคัดย่อ รูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง) คณะบรรณาธิการจะพิจารณาบทความเบื้องต้นเกี่ยวกับสอดคล้องของบททความตรงกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสารหรือไม่ หากไม่สอดคล้องกัน ก็จะถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ถ้าสอดคล้องกันและแต่ความถูกต้องของรูปแบบทั่วไปไม่ตรง หรือไม่ถูกต้อง จะถูกส่งกลับเพื่อให้ผู้นิพนธ์แก้ไข หากคณะบรรณาธิการการพิจารณาให้ผ่านแล้ว จะได้เข้าสู่กระบวนการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิต่อไป การพิจารณาบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะคำนึงถึงความหลากหลายและความเหมาะสม เพื่อให้บทความต้นฉบับของผู้นิพนธ์ได้รับการพิจารณาผ่านการประเมิน ควรปฏิบัติตาม ดังนี้
1.1 บทความต้นฉบับต้องมีความยาวอย่างน้อย 9-15 หน้า ขนาดกระดาษ A4 ให้พิมพ์หน้าเดียว ภาษาไทยใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK ยกเว้นการนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับ ในรูปแบบแผนภูมิ แผนภาพ ผังมโนทัศน์ หรือโมเดล (ใช้ฟอนต์อะไร ขนาดเท่าไรก็ได้ ที่สวยงามชัดเจนอ่านง่าย) ผู้นิพนธ์ต้องตั้งค่าระยะขอบเท่ากันทุกด้าน คือ ขอบบนซ้าย 1 นิ้ว และขอบล่างขวา 1 นิ้ว กำหนดระยะห่างบรรทัดเท่ากับ 1 pt และเว้นบรรทัดระหว่างย่อหน้าแต่ละย่อหน้า
1.2 ชื่อเรื่องบทความต้องเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (18 point ตัวหนา) พิมพ์ไว้ตรงกลางหน้าแรก
1.3 ชื่อ-นามสกุล ผู้นิพนธ์บทความ พร้อมทั้งระบุชื่อหน่วยงานหรือองค์กรสังกัด เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะต้องระบุที่อยู่อีเมลของผู้ประสานงานบทความหรือผู้นิพนธ์หลัก เยื้องชิดขอบขวาของหน้ากระดาษ
1.4 บทคัดย่อ เนื้อหาจะต้องไม่เกิน 400 คำ
1.5 Abstract เนื้อหาที่นำเสนอจะต้องให้ตรงตามบทคัดย่อภาษาไทย และตรงตามหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ
1.6 คำหลัก ให้มี 3-5 คำ ที่สะท้อนเนื้อหาของบทความต้นฉบับอย่างถูกต้อง ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) ระหว่างคำหลักแต่ละคำ เรียงลำดับตามตัวพยัญชนะไทย/อังกฤษ
1.7 จุดเริ่มต้นของหัวเรื่องหลักหรือประเด็นหลักใหญ่ใหม่ ให้เว้นระยะบรรทัดเดียวจากบรรทัดก่อนหน้า (กด Enter 1 ครั้ง)
1.8 ประเด็นหลักใหญ่สุด ให้พิมพ์ขอบซ้าย ตั้งค่าเป็นอักษร 16 pt แบบหนา
1.9 ประเด็นรองแต่ละประเด็น ตั้งค่าเป็นอักษร 16 pt แบบหนาในบรรทัดถัดไป ต้องอยู่ห่างจากประเด็นหลักใหญ่ โดยกดแป้น Tab หนึ่งครั้ง
1.10 ต้องใช้ตัวเลขอารบิกเท่านั้น ตัวอักษรย่อ และวงเล็บ ใช้คําย่อที่เป็นสากลเท่านั้น (ระบุคําเต็มไว้ในครั้งแรก) การวงเล็บภาษาอังกฤษ ควรใช้ดังนี้ (Network Organization) เป็นต้น
1.11 ภาพหรือตารางที่นำเสนอต้องถูกต้องคมชัด พร้อมระบุหมายเลขรูปภาพหรือตารางด้านล่างตามลำดับให้ครบ ให้พิมพ์เป็นตัวหนา เช่น ภาพที่ 1 หรือ ตารางที่ 1 โดยต้องมีข้อมูลครบถ้วนและอ่านเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องอ่านซ้ำอีก ให้สอดคล้องกับเนื้อหาในต้นฉบับ คำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพหรือตารางที่นำเสนอ
- การตรวจสอบบทความและพิสูจน์อักษร
การเตรียมบทความให้ถูกต้องตามข้อกําหนดของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะทำให้การพิจารณาตีพิมพ์มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบบทความและพิสูจน์อักษร ฉะนั้น ผู้นิพนธ์ต้องตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบบทความที่วารสารกำหนด ตลอดจนตรวจสอบพิสูจน์อักษรให้เรียบร้อย ก่อนที่จะส่งบทความให้กับบรรณาธิการ
- การส่งบทความ
บทความที่จะตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ให้ผู้นิพนธ์บทความทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
3.1 ให้ผู้นิพนธ์บทความดาวน์โหลด Template บทความวิจัย หรือ Template บทความวิชาการ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการเขียนบทความตามรูปแบบของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES โดยสามารถดาวน์โหลดได้ ดังนี้
3.1.1 Template บทความวิจัย (.pdf) (.docx)
3.1.2 Template บทความวิชาการ (.pdf) (.docx)
3.2 ให้ผู้นิพนธ์บทความดาวน์โหลดหนังสือรับรองก่อนตีพิมพ์บทความในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES โดยสามารถดาวน์โหลดหนังสือรับรองได้ที่ (.pdf) และให้กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน พร้อมทั้งบทความที่ส่งเข้าคิวอาร์โค้ด Line หน้าเว็บวารสารเพื่อตรวจสอบเบื้องต้น
3.3 รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับตามเอกสารที่แนบของผู้นิพนธ์บทความที่ส่งเข้าคิวอาร์โค้ด Line หน้าเว็บวารสาร เจ้าหน้าที่จะส่งแบบ Google Form ให้ผู้นิพนธ์ดำเนินการตามแบบฟอร์มดังกล่าว
3.4 เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้นิพนธ์บทความเข้าในระบบสมัครสมาชิกออนไลน์ของวารสารและ/หรือ (กรณีผู้สมัครแล้วต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ 3.1 และ 3.2 เช่นเดียวกัน) ถึงจะให้เข้าระบบได้ตามลิงค์นี้ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/user/register (สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ระบบ Thaijo) เมื่อผู้นิพนธ์ส่งบทความในเข้าระบบแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบ และจะดำเนินการตามขั้นตอนในการจัดทำบทความให้ผู้นิพนธ์บทความทราบตามลำดับต่อไป
บทความวิจัย ให้เรียงลำดับประเด็นสาระสำคัญ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract): นำเสนอภูมิหลัง วัตถุประสงค์ วิธีการวิจัย ผลการวิจัยที่สำคัญ
2) บทนํา (Introduction): ระบุความสำคัญของปัญหาการวิจัย
3) วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objectives)
4) การทบทวนวรรณกรรม: อธิบายผลลัพธ์ของการสืบค้นหนังสือ เอกสาร บทความ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ แสดงให้เห็นถึง “ช่องว่างความรู้” ที่ยังไม่ได้รับการพิจารณา
5) กรอบแนวคิดในการวิจัย
6) วิธีการวิจัย (Research Methodology): ระบุระเบียบวิจัย/แผนการวิจัย การได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างและการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
7) ผลการวิจัย/ผลการทดลอง (Results): เสนอผลที่พบตามวัตถุประสงค์การวิจัยตามลำดับอย่างชัดเจน ควรเสนอในรูปตารางหรือแผนภูมิ
8) บทสรุป (Conclusion): ระบุข้อสรุปที่สำคัญเป็นความเรียง และหรือเป็นตาราง
9) อภิปรายผล/วิจารณ์ (Discussion): เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของผลการวิจัยกับกรอบแนวคิด และงานวิจัยที่ผ่านมา ไม่ควรอภิปรายเป็นข้อๆ แต่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของตัวแปรที่ศึกษาทั้งหมด
10) องค์ความรู้ใหม่: (New knowledge): ระบุองค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการวิจัย โดยการสังเคราะห์ในรูปแบบโมเดล ไดอะแกรม หรือแผนภูมิแนวคิดพร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ที่เข้าใจง่าย
11) ข้อเสนอแนะ (Suggestion): ให้ข้อเสนอแนะ 2 ประเด็น ดังนี้
-ข้อเสนอแนะในการนำผลงานวิจัยไปใช้
-ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
12) เอกสารอ้างอิง (References): รายการอ้างอิงท้ายบทความ ต้องเป็นรายการที่ตรงกับการอ้างอิงไว้ในเชิงอรรถของเนื้อหาเท่านั้น เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
บทความวิชาการ ให้เรียงลำดับประเด็นสาระสำคัญ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract)
2) คำสำคัญ
3) Abstract
4) Keywords
5) บทนํา (Introduction)
6) เนื้อหา (Content)
7) บทสรุป (Conclusion) ระบุข้อสรุปที่สำคัญเป็นความเรียง และหรือเป็นตาราง
8) องค์ความรู้ใหม่ (New knowledge)
9) เอกสารอ้างอิง (References)
การเขียนเอกสารอ้างอิง (เชิงอรรถ) ในเนื้อหา (ตัวอย่าง)
วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ได้กำหนดการเขียนเอกสารอ้างอิง เพื่อบอกแหล่งที่มาของข้อความนั้น ให้ใช้วิธีการอ้างอิงแบบนาม-ปี โดยระบุชื่อผู้นิพนธ์ ปีพิมพ์ และเลขหน้าของเอกสาร ไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังของข้อความที่ต้องการอ้างอิง
เอกสารวิชาการที่อ้างอิง ต้องมีที่มาจากแหล่งที่มีการเผยแพร่อย่างน่าเชื่อถือและชัดเจน อาจเป็นหนังสือ วารสาร หรือข้อมูลวิชาการบนอินเทอร์เน็ต ผู้นิพนธ์บทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องของเอกสารอ้างอิงทั้งหมด ทั้งนี้ก่อนส่งบทความต้นฉบับ ผู้นิพนธ์บทความจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารอ้างอิง เพื่อป้องกันความล่าช้าในการตีพิมพ์บทความ หากไม่ถูกต้อง ทางวารสารจะไม่ส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาจนกว่าจะแก้ไขการอ้างอิงเรียบร้อยแล้ว สำหรับการอ้างอิงเอกสารในบทความนั้น ให้ใช้ระบบ APA6 ให้ใช้ระบบฟอนต์ TH SarabunPSK โดยใช้เครื่องหมายวงเล็บ เปิด-ปิด ระบุชื่อผู้นิพนธ์ ปี และเลขหน้าของเอกสารที่อ้างอิง ระบุตอนก่อนหรือหลังข้อความที่อ้างมา เอกสารที่อ้างอิงเชิงอรรถในเนื้อหาของบทความนี้ ต้องปรากฏในเอกสารอ้างอิงท้ายบทความทั้งหมด และผู้นิพนธ์บทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องของเอกสารที่อ้างอิงทั้งหมด รูปแบบของการอ้างอิงเอกสาร มีดังนี้
- หากชื่อผู้แต่งอยู่หน้าข้อความที่อ้างถึง ให้ใช้ ชื่อผู้แต่ง, (ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น บุญชม ศรีสะอาด, (2546 : 18-19) หรือ Gagne. Robert. M.,(1985 : 19)
- หากชื่อผู้แต่งอยู่หลังข้อความที่อ้างถึง ให้ใช้ (ชื่อผู้แต่ง, ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น
1) กรณีผู้แต่ง 1 คน ให้เขียนเป็น (ชื่อผู้นิพนธ์, ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น (วิจารณ์ พานิช. 2546 : 13) หรือ (Moore. K.D., 1992 : 48)
2) กรณีผู้แต่ง 2 คน ให้เขียนเป็น (ชื่อที่ 1 และชื่อที่ 2, ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น (จินตนา บุญบงการ และณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์, 2549 : 8-9) หรือ (Torrance. E.P. and R.E.. Myers.,1962 : 5)
3) กรณีผู้แต่งมากกว่า 3 คนขึ้นไป ครั้งแรกให้เขียนชื่อผู้นิพนธ์ทั้งหมด และครั้งต่อไปให้เขียนเป็นคณะ เช่น (ชื่อผู้นิพนธ์คนที่ 1 และคณะ, ปีที่พิมพ์: เลขหน้า) เช่น (สุพจน์ อินหว่าง และคณะ,2556 : 28) หรือ (Campbell. R. F.. and et al., 2013 : 8)
การเขียนเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ (ตัวอย่าง)
ให้รวบรวมเอกสารที่ใช้อ้างอิง (เชิงอรรถ) ในเนื้อหาทั้งหมด นำมาไว้ท้ายบทความให้ครบถ้วน เรียงตามลำดับตัวอักษร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปแบบการเขียนอ้างอิงตามระบบ APA6 ดังนี้
- หนังสือ
ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ครั้งที่พิมพ์. สถานที่พิมพ์ : สํานักพิมพ์. เช่น
ทิศนา แขมมณี. (2551). รูปแบบการเรียนการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
Argyris. C. (1999). On Organizational Learning. 2nd ed. Oxford: Blackwell Publishing.
- บทความในวารสาร
ชื่อผู้นิพนธ์บทความ. (ปีที่พิมพ์). ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร, ปีที่ (ฉบับที่), เลขหน้าที่ ปรากฏบทความในวารสาร. เช่น
วิทยา ทองดี. (2561). แนวทางการพัฒนาการสอนสังคมศึกษาตามแนวพุทธ ยุค Thailand 4.0.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยเขตขอนแก่น. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์,
18(2), 292.
Krejcie. R. V. & Morgan. D. W.. (1970). Determining Sample Size for Research Activities.
Educational and Psychological Measurement, 30 (3), 607-610.
- สารนิพนธ์/วิทยานิพนธ์/ดุษฎีนิพนธ์/รายงานการวิจัย
ชื่อผู้วิจัย. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ระดับของงาน. หน่วยงานที่รับผิดชอบ : มหาวิทยาลัย เช่น
ศุภลักษณ์ เศษธะพานิช. (2555). ระบบการบริหารที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศของสถานศึกษา. วิทยานิพนธ์
ครุศาสตรดุษฎีนิพนธ์. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Jaffee,D. (2001). The Development on New Generation of Thai Farmers to Propel Thai
Eeonomy . Research Report. College : Thepsatri Rajabhat University.
- แหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์ออนไลน์
ชื่อผู้นิพนธ์. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ วัน เดือน ปี. แหล่งที่มา : Url เช่น
วรางคณา ทองนพคุณ. (2562). การศึกษาในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills). ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 22
กรกฎาคม 2562. แหล่งที่มา: https://sites.google.com/site/science58910202/contact.
BBC New. (2016). Etnical Alzheimers or Social Advocates solution. Online. Retrieved May 9,
- from : http://www.bbc.com/2016/ WORLD
- รายงานการประชุมหรือสัมมนาทางวิชาการ
ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ชื่อเอกสารรวมเรื่องรายงานการประชุม. วัน เดือน ปี. สถานที่จัด. สถานที่พิมพ์: สํานักพิมพ์. เช่น
สมาน นิดตาทอง. (2550). การพัฒนาการเรียนรู้แห่งศาสตร์ทางการจัดการ. เอกสารประกอบการประชุมการ
ประสานงานชุมชน. 25 พฤศจิกายน 2550. โรงแรมนภานิมิต. กรุงเทพฯ : พิสุดการพิมพ์.
Natthabhan, S. (2000). The Besuty of Wonmen in Theravada Philosopy. Nebraska Symposium
on Motivation : voll. 38. Perspectives on Motivation. 18 July 2000. Lincoln. USA : University of Nebraska Prees.
- ราชกิจจานุเบกษา
ราชกิจจานุเบกษา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 4). เล่มที่ 136 ตอนที่ 57 ก หน้า 49.
(1 พฤษภาคม 2562).
- พจนานุกรม
ชื่อหนังสือ. (ปีที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์: สํานักพิมพ์. เช่น
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (2525). กรุงเทพฯ : สำนักงานราชบัณฑิตยสถาน.
Shoter Oxford English dictionary. (2002). New York : Oxford University Press.
ลิขสิทธิ์
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสาร พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องทำหนังสือยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้นไม่ซ้ำซ้อนวารสารอื่นๆ และได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางอื่นของผู้นิพนธ์ที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ ทั้งนี้หากผู้นิพนธ์ไม่ปฏิบัติตามฐานข้อมูลดังกล่าว ให้ผู้นิพนธ์รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว วารสารจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี
คำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์
เพื่อความถูกต้อง รวดเร็ว และทางวารสารจะให้คำตอบรับ/ปฏิเสธการรับตีพิมพ์เผยแพร่บทความนั้น เบื้องต้นทางวารสารขอแนะนำให้ผู้นิพนธ์บทความปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
- ให้ผู้นิพนธ์ตรวจสอบชื่อเรื่องของบทความวิจัยหรือบทความวิชาการ ตรงและสอดคล้องกับ
วัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES หรือไม่
- หากบทความต้นฉบับตรงและสอดคล้องแล้ว ให้ผู้นิพนธ์การจัดเตรียมรูปแบบบทความต้นฉบับ
ให้ถูกต้องตรงตามรูปแบบและการอ้างอิงที่วารสารกำหนด
- เมื่อเตรียมและตรวจบทความต้นฉบับให้ถูกต้องตามรูปแบบบทความที่วารสารกำหนด ตามข้อที่ 1 และ 2 ตลอดจนตรวจสอบพิสูจน์อักษรให้เรียบร้อยแล้ว ผู้นิพนธ์สามารถส่งบทความให้กับบรรณาธิการในระบบได้เลย
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้นิพนธ์บทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความวิชาการหรือบทความวิจัย รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES อย่างเคร่งครัด
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความของผู้นิพนธ์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของคณะบรรณาธิการวารสาร JISES รวมทั้งผู้นิพนธ์จะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำของผลงานด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 20%
ค่าธรรมเนียม
วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจำนวน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อ 1 บทความ โดยผู้นิพนธ์จะต้องตรวจสอบความสมบูรณ์ของบทความตามคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ หากผู้นิพนธ์บทความไม่ปฏิบัติตามกติกา คณะบรรณาธิการวารสารขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการตีพิมพ์ และไม่คืนเงินค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
- บทความมีความซ้ำซ้อนมากกว่า 20% (โปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo)
- ผู้นิพนธ์ไม่ปฏิบัติตามรูปแบบของวารสาร
- บทความไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ
- ผู้นิพนธ์ไม่แก้ไขบทความตามข้อเสนอแนะ ในระยะวันเวลาที่กำหนด (1 เดือน หลังการแจ้งของบรรณาธิการ)
ผู้นิพนธ์สามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านบัญชีธนาคาร.......................................... หมายเลขบัญชี "………………………………" เมื่อชำระแล้ว ให้ส่งหลักฐานแนบในระบบวารสาร และแนบส่งไฟล์หลักฐานไปที่ Email: jises8229@gmail.com หรือไอดี ไลน์: ……………………
ขั้นตอนการส่งบทความ
เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ
สามารถส่งบทความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์วารสารhttps://......................................
- การจัดเตรียมรูปแบบบทความต้นฉบับ
บทความต้นฉบับที่เสนอให้พิจารณาตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ต้องใช้ไฟล์รูปแบบ *.docx ของ Microsoft Word เวอร์ชัน 2010 ขึ้นไป หากบทความต้นฉบับมีรูปภาพในรูปแบบ *.PDF*.JPG*.GIF หรือ *.BMP ความยาวของบทความต้นฉบับต้องมีระว่าง 9-15 หน้าของกระดาษ A4 (รวมบทคัดย่อ รูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง) คณะบรรณาธิการจะพิจารณาบทความเบื้องต้นเกี่ยวกับสอดคล้องของบททความตรงกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสารหรือไม่ หากไม่สอดคล้องกัน ก็จะถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ถ้าสอดคล้องกันและแต่ความถูกต้องของรูปแบบทั่วไปไม่ตรง หรือไม่ถูกต้อง จะถูกส่งกลับเพื่อให้ผู้นิพนธ์แก้ไข หากคณะบรรณาธิการการพิจารณาให้ผ่านแล้ว จะได้เข้าสู่กระบวนการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิต่อไป การพิจารณาบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะคำนึงถึงความหลากหลายและความเหมาะสม เพื่อให้บทความต้นฉบับของผู้นิพนธ์ได้รับการพิจารณาผ่านการประเมิน ควรปฏิบัติตาม ดังนี้
1.1 บทความต้นฉบับต้องมีความยาวอย่างน้อย 9-15 หน้า ขนาดกระดาษ A4 ให้พิมพ์หน้าเดียว ภาษาไทยใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK ยกเว้นการนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับ ในรูปแบบแผนภูมิ แผนภาพ ผังมโนทัศน์ หรือโมเดล (ใช้ฟอนต์อะไร ขนาดเท่าไรก็ได้ ที่สวยงามชัดเจนอ่านง่าย) ผู้นิพนธ์ต้องตั้งค่าระยะขอบเท่ากันทุกด้าน คือ ขอบบนซ้าย 1 นิ้ว และขอบล่างขวา 1 นิ้ว กำหนดระยะห่างบรรทัดเท่ากับ 1 pt และเว้นบรรทัดระหว่างย่อหน้าแต่ละย่อหน้า
1.2 ชื่อเรื่องบทความต้องเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (18 point ตัวหนา) พิมพ์ไว้ตรงกลางหน้าแรก
1.3 ชื่อ-นามสกุล ผู้นิพนธ์บทความ พร้อมทั้งระบุชื่อหน่วยงานหรือองค์กรสังกัด เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะต้องระบุที่อยู่อีเมลของผู้ประสานงานบทความหรือผู้นิพนธ์หลัก เยื้องชิดขอบขวาของหน้ากระดาษ
1.4 บทคัดย่อ เนื้อหาจะต้องไม่เกิน 400 คำ
1.5 Abstract เนื้อหาที่นำเสนอจะต้องให้ตรงตามบทคัดย่อภาษาไทย และตรงตามหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ
1.6 คำหลัก ให้มี 3-5 คำ ที่สะท้อนเนื้อหาของบทความต้นฉบับอย่างถูกต้อง ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) ระหว่างคำหลักแต่ละคำ เรียงลำดับตามตัวพยัญชนะไทย/อังกฤษ
1.7 จุดเริ่มต้นของหัวเรื่องหลักหรือประเด็นหลักใหญ่ใหม่ ให้เว้นระยะบรรทัดเดียวจากบรรทัดก่อนหน้า (กด Enter 1 ครั้ง)
1.8 ประเด็นหลักใหญ่สุด ให้พิมพ์ขอบซ้าย ตั้งค่าเป็นอักษร 16 pt แบบหนา
1.9 ประเด็นรองแต่ละประเด็น ตั้งค่าเป็นอักษร 16 pt แบบหนาในบรรทัดถัดไป ต้องอยู่ห่างจากประเด็นหลักใหญ่ โดยกดแป้น Tab หนึ่งครั้ง
1.10 ต้องใช้ตัวเลขอารบิกเท่านั้น ตัวอักษรย่อ และวงเล็บ ใช้คําย่อที่เป็นสากลเท่านั้น (ระบุคําเต็มไว้ในครั้งแรก) การวงเล็บภาษาอังกฤษ ควรใช้ดังนี้ (Network Organization) เป็นต้น
1.11 ภาพหรือตารางที่นำเสนอต้องถูกต้องคมชัด พร้อมระบุหมายเลขรูปภาพหรือตารางด้านล่างตามลำดับให้ครบ ให้พิมพ์เป็นตัวหนา เช่น ภาพที่ 1 หรือ ตารางที่ 1 โดยต้องมีข้อมูลครบถ้วนและอ่านเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องอ่านซ้ำอีก ให้สอดคล้องกับเนื้อหาในต้นฉบับ คำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพหรือตารางที่นำเสนอ
- การตรวจสอบบทความและพิสูจน์อักษร
การเตรียมบทความให้ถูกต้องตามข้อกําหนดของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES จะทำให้การพิจารณาตีพิมพ์มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบบทความและพิสูจน์อักษร ฉะนั้น ผู้นิพนธ์ต้องตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบบทความที่วารสารกำหนด ตลอดจนตรวจสอบพิสูจน์อักษรให้เรียบร้อย ก่อนที่จะส่งบทความให้กับบรรณาธิการ
- การส่งบทความ
บทความที่จะตีพิมพ์ในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ให้ผู้นิพนธ์บทความทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
3.1 ให้ผู้นิพนธ์บทความดาวน์โหลด Template บทความวิจัย หรือ Template บทความวิชาการ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการเขียนบทความตามรูปแบบของวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES โดยสามารถดาวน์โหลดได้ ดังนี้
3.1.1 Template บทความวิจัย (.pdf) (.docx)
3.1.2 Template บทความวิชาการ (.pdf) (.docx)
3.2 ให้ผู้นิพนธ์บทความดาวน์โหลดหนังสือรับรองก่อนตีพิมพ์บทความในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES โดยสามารถดาวน์โหลดหนังสือรับรองได้ที่ (.pdf) และให้กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน พร้อมทั้งบทความที่ส่งเข้าคิวอาร์โค้ด Line หน้าเว็บวารสารเพื่อตรวจสอบเบื้องต้น
3.3 รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับตามเอกสารที่แนบของผู้นิพนธ์บทความที่ส่งเข้าคิวอาร์โค้ด Line หน้าเว็บวารสาร เจ้าหน้าที่จะส่งแบบ Google Form ให้ผู้นิพนธ์ดำเนินการตามแบบฟอร์มดังกล่าว
3.4 เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้นิพนธ์บทความเข้าในระบบสมัครสมาชิกออนไลน์ของวารสารและ/หรือ (กรณีผู้สมัครแล้วต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ 3.1 และ 3.2 เช่นเดียวกัน) ถึงจะให้เข้าระบบได้ตามลิงค์นี้ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/user/register (สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ระบบ Thaijo) เมื่อผู้นิพนธ์ส่งบทความในเข้าระบบแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบ และจะดำเนินการตามขั้นตอนในการจัดทำบทความให้ผู้นิพนธ์บทความทราบตามลำดับต่อไป
บทความวิจัย ให้เรียงลำดับประเด็นสาระสำคัญ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract): นำเสนอภูมิหลัง วัตถุประสงค์ วิธีการวิจัย ผลการวิจัยที่สำคัญ
2) บทนํา (Introduction): ระบุความสำคัญของปัญหาการวิจัย
3) วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objectives)
4) การทบทวนวรรณกรรม: อธิบายผลลัพธ์ของการสืบค้นหนังสือ เอกสาร บทความ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ แสดงให้เห็นถึง “ช่องว่างความรู้” ที่ยังไม่ได้รับการพิจารณา
5) กรอบแนวคิดในการวิจัย
6) วิธีการวิจัย (Research Methodology): ระบุระเบียบวิจัย/แผนการวิจัย การได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างและการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
7) ผลการวิจัย/ผลการทดลอง (Results): เสนอผลที่พบตามวัตถุประสงค์การวิจัยตามลำดับอย่างชัดเจน ควรเสนอในรูปตารางหรือแผนภูมิ
8) บทสรุป (Conclusion): ระบุข้อสรุปที่สำคัญเป็นความเรียง และหรือเป็นตาราง
9) อภิปรายผล/วิจารณ์ (Discussion): เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของผลการวิจัยกับกรอบแนวคิด และงานวิจัยที่ผ่านมา ไม่ควรอภิปรายเป็นข้อๆ แต่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของตัวแปรที่ศึกษาทั้งหมด
10) องค์ความรู้ใหม่: (New knowledge): ระบุองค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการวิจัย โดยการสังเคราะห์ในรูปแบบโมเดล ไดอะแกรม หรือแผนภูมิแนวคิดพร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ที่เข้าใจง่าย
11) ข้อเสนอแนะ (Suggestion): ให้ข้อเสนอแนะ 2 ประเด็น ดังนี้
-ข้อเสนอแนะในการนำผลงานวิจัยไปใช้
-ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
12) เอกสารอ้างอิง (References): รายการอ้างอิงท้ายบทความ ต้องเป็นรายการที่ตรงกับการอ้างอิงไว้ในเชิงอรรถของเนื้อหาเท่านั้น เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
บทความวิชาการ ให้เรียงลำดับประเด็นสาระสำคัญ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract)
2) คำสำคัญ
3) Abstract
4) Keywords
5) บทนํา (Introduction)
6) เนื้อหา (Content)
7) บทสรุป (Conclusion) ระบุข้อสรุปที่สำคัญเป็นความเรียง และหรือเป็นตาราง
8) องค์ความรู้ใหม่ (New knowledge)
9) เอกสารอ้างอิง (References)
การเขียนเอกสารอ้างอิง (เชิงอรรถ) ในเนื้อหา (ตัวอย่าง)
วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES ได้กำหนดการเขียนเอกสารอ้างอิง เพื่อบอกแหล่งที่มาของข้อความนั้น ให้ใช้วิธีการอ้างอิงแบบนาม-ปี โดยระบุชื่อผู้นิพนธ์ ปีพิมพ์ และเลขหน้าของเอกสาร ไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังของข้อความที่ต้องการอ้างอิง
เอกสารวิชาการที่อ้างอิง ต้องมีที่มาจากแหล่งที่มีการเผยแพร่อย่างน่าเชื่อถือและชัดเจน อาจเป็นหนังสือ วารสาร หรือข้อมูลวิชาการบนอินเทอร์เน็ต ผู้นิพนธ์บทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องของเอกสารอ้างอิงทั้งหมด ทั้งนี้ก่อนส่งบทความต้นฉบับ ผู้นิพนธ์บทความจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารอ้างอิง เพื่อป้องกันความล่าช้าในการตีพิมพ์บทความ หากไม่ถูกต้อง ทางวารสารจะไม่ส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาจนกว่าจะแก้ไขการอ้างอิงเรียบร้อยแล้ว สำหรับการอ้างอิงเอกสารในบทความนั้น ให้ใช้ระบบ APA6 ให้ใช้ระบบฟอนต์ TH SarabunPSK โดยใช้เครื่องหมายวงเล็บ เปิด-ปิด ระบุชื่อผู้นิพนธ์ ปี และเลขหน้าของเอกสารที่อ้างอิง ระบุตอนก่อนหรือหลังข้อความที่อ้างมา เอกสารที่อ้างอิงเชิงอรรถในเนื้อหาของบทความนี้ ต้องปรากฏในเอกสารอ้างอิงท้ายบทความทั้งหมด และผู้นิพนธ์บทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบความถูกต้องของเอกสารที่อ้างอิงทั้งหมด รูปแบบของการอ้างอิงเอกสาร มีดังนี้
- หากชื่อผู้แต่งอยู่หน้าข้อความที่อ้างถึง ให้ใช้ ชื่อผู้แต่ง, (ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น บุญชม ศรีสะอาด, (2546 : 18-19) หรือ Gagne. Robert. M.,(1985 : 19)
- หากชื่อผู้แต่งอยู่หลังข้อความที่อ้างถึง ให้ใช้ (ชื่อผู้แต่ง, ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น
1) กรณีผู้แต่ง 1 คน ให้เขียนเป็น (ชื่อผู้นิพนธ์, ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น (วิจารณ์ พานิช. 2546 : 13) หรือ (Moore. K.D., 1992 : 48)
2) กรณีผู้แต่ง 2 คน ให้เขียนเป็น (ชื่อที่ 1 และชื่อที่ 2, ปีที่พิมพ์ : เลขหน้า) เช่น (จินตนา บุญบงการ และณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์, 2549 : 8-9) หรือ (Torrance. E.P. and R.E.. Myers.,1962 : 5)
3) กรณีผู้แต่งมากกว่า 3 คนขึ้นไป ครั้งแรกให้เขียนชื่อผู้นิพนธ์ทั้งหมด และครั้งต่อไปให้เขียนเป็นคณะ เช่น (ชื่อผู้นิพนธ์คนที่ 1 และคณะ, ปีที่พิมพ์: เลขหน้า) เช่น (สุพจน์ อินหว่าง และคณะ,2556 : 28) หรือ (Campbell. R. F.. and et al., 2013 : 8)
การเขียนเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ (ตัวอย่าง)
ให้รวบรวมเอกสารที่ใช้อ้างอิง (เชิงอรรถ) ในเนื้อหาทั้งหมด นำมาไว้ท้ายบทความให้ครบถ้วน เรียงตามลำดับตัวอักษร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปแบบการเขียนอ้างอิงตามระบบ APA6 ดังนี้
- หนังสือ
ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ครั้งที่พิมพ์. สถานที่พิมพ์ : สํานักพิมพ์. เช่น
ทิศนา แขมมณี. (2551). รูปแบบการเรียนการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
Argyris. C. (1999). On Organizational Learning. 2nd ed. Oxford: Blackwell Publishing.
- บทความในวารสาร
ชื่อผู้นิพนธ์บทความ. (ปีที่พิมพ์). ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร, ปีที่ (ฉบับที่), เลขหน้าที่ ปรากฏบทความในวารสาร. เช่น
วิทยา ทองดี. (2561). แนวทางการพัฒนาการสอนสังคมศึกษาตามแนวพุทธ ยุค Thailand 4.0.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยเขตขอนแก่น. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์,
18(2), 292.
Krejcie. R. V. & Morgan. D. W.. (1970). Determining Sample Size for Research Activities.
Educational and Psychological Measurement, 30 (3), 607-610.
- สารนิพนธ์/วิทยานิพนธ์/ดุษฎีนิพนธ์/รายงานการวิจัย
ชื่อผู้วิจัย. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ระดับของงาน. หน่วยงานที่รับผิดชอบ : มหาวิทยาลัย เช่น
ศุภลักษณ์ เศษธะพานิช. (2555). ระบบการบริหารที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศของสถานศึกษา. วิทยานิพนธ์
ครุศาสตรดุษฎีนิพนธ์. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Jaffee,D. (2001). The Development on New Generation of Thai Farmers to Propel Thai
Eeonomy . Research Report. College : Thepsatri Rajabhat University.
- แหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์ออนไลน์
ชื่อผู้นิพนธ์. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ วัน เดือน ปี. แหล่งที่มา : Url เช่น
วรางคณา ทองนพคุณ. (2562). การศึกษาในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills). ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 22
กรกฎาคม 2562. แหล่งที่มา: https://sites.google.com/site/science58910202/contact.
BBC New. (2016). Etnical Alzheimers or Social Advocates solution. Online. Retrieved May 9,
- from : http://www.bbc.com/2016/ WORLD
- รายงานการประชุมหรือสัมมนาทางวิชาการ
ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ชื่อเอกสารรวมเรื่องรายงานการประชุม. วัน เดือน ปี. สถานที่จัด. สถานที่พิมพ์: สํานักพิมพ์. เช่น
สมาน นิดตาทอง. (2550). การพัฒนาการเรียนรู้แห่งศาสตร์ทางการจัดการ. เอกสารประกอบการประชุมการ
ประสานงานชุมชน. 25 พฤศจิกายน 2550. โรงแรมนภานิมิต. กรุงเทพฯ : พิสุดการพิมพ์.
Natthabhan, S. (2000). The Besuty of Wonmen in Theravada Philosopy. Nebraska Symposium
on Motivation : voll. 38. Perspectives on Motivation. 18 July 2000. Lincoln. USA : University of Nebraska Prees.
- ราชกิจจานุเบกษา
ราชกิจจานุเบกษา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 4). เล่มที่ 136 ตอนที่ 57 ก หน้า 49.
(1 พฤษภาคม 2562).
- พจนานุกรม
ชื่อหนังสือ. (ปีที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์: สํานักพิมพ์. เช่น
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (2525). กรุงเทพฯ : สำนักงานราชบัณฑิตยสถาน.
Shoter Oxford English dictionary. (2002). New York : Oxford University Press.
ลิขสิทธิ์
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสาร พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องทำหนังสือยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้นไม่ซ้ำซ้อนวารสารอื่นๆ และได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางอื่นของผู้นิพนธ์ที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ ทั้งนี้หากผู้นิพนธ์ไม่ปฏิบัติตามฐานข้อมูลดังกล่าว ให้ผู้นิพนธ์รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว วารสารจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี