วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JISES <p>ยินดีต้อนรับสู่วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ Journal of Interdisciplinary Study Education Science (JISES) ISSN: 3088-148X (Online) มีวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสาร เพื่อเผยแพร่บทความวิจัย และบทความวิชาการแก่นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ ผู้บริหาร ครู นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป JISES มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่เนื้อหาที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการศึกษาอย่างเข้มงวด ให้มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานตามหลักวิชาการ รับเผยแพร่บทความด้านศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ การบริหารการศึกษา สันติศึกษา หลักสูตรและการสอน การวิจัยและประเมินผลการศึกษา การศึกษาเพื่อการพัฒนา เทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษา เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา การศึกษาปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา สุขศึกษาและพลศึกษา นาฏศิลป์ศึกษา พุทธศาสนศึกษา สังคมศึกษา ภาษาศาสตร์ การสอนภาษาไทย การสอนภาษาอังกฤษ ภาษาศาสตร์อาเซียน คณิตศาสตร์ศึกษา ดนตรีศึกษา คอมพิวเตอร์ศึกษา ศิลปศึกษา ธุรกิจศึกษา การศึกษานอกระบบโรงเรียน จิตวิทยาการปรึกษาและการแนะแนว ครุศาสตร์อุตสาหกรรม การศึกษาอาชีวศึกษา การศึกษาพิเศษ สหวิทยาการมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่เกี่ยวข้องด้านศึกษาศาสตร์ และครุศาสตร์ เชิงประยุกต์นวัตกรรมศาสตร์สมัยใหม่ เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p>วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES มีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเผยแพร่เนื้อหาบทความคุณภาพอย่างเข้มข้นด้านสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ที่บูรณาการกับนวัตกรรมศาสตร์สมัยใหม่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะวารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ มีการแนะนำ และส่งเสริมให้ผู้นิพนธ์บทความเน้นศึกษาค้นคว้าและมีการอ้างอิงในวารสารวิชาการที่ผ่านการประเมินคุณภาพจาก TCI, ACI, Scopus, และ WOS ในระดับนานาชาติ ที่ผ่านการตรวจสอบและกลั่นกรองบทความต้นฉบับโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการศึกษาอย่างเข้มงวด อย่างน้อย 2 ท่าน ให้มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะคณะบรรณาธิการของวารสารที่ทรงคุณวุฒิมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตรงสาขาวิชาและศาสตร์ด้านการศึกษานี้โดยตรงจากหลากหลายหน่วยงาน เราภูมิใจที่ได้รับรองคุณภาพ ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือที่ทำให้ JISES เป็นแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ หรือองค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักวิจัยหรือนักวิชาการ และนิสิต นักศึกษาที่แสวงหาแหล่งความรู้และผลงานตีพิมพ์ที่ชัดเจน เพื่อการยกระดับและพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาผ่านกระบวนการพิจารณาคัดเลือกและประเมินคุณภาพตามมาตรฐานสากลของวารสารวิชาการ</p> <p> </p> <p><strong>วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์</strong></p> <p><strong>ชื่อย่อวารสาร</strong> : <strong>JISES (Journal of Interdisciplinary Study Education Science)</strong></p> <p><strong>ISSN: 3088-148X (Online)</strong></p> <p><strong>ปีที่เริ่มต้น :</strong> 2025</p> <p><strong>ภาษา : </strong>ไทย และ อังกฤษ</p> <p><strong>บรรณาธิการบริหาร</strong><strong> :</strong></p> <p>ดร.อุทัย วรเมธีศรีสกุล สถาบันพัฒนานวัตกรรมวิชาการ <strong> </strong></p> <p> วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ JISES มุ่งมั่นที่จะรักษาความสมบูรณ์ของการดำเนินการจัดการตีพิมพ์งานวิชาการ และรักษาความเชื่อมั่นที่ผู้นิพนธ์ ผู้ประเมิน และผู้อ่านมีต่อวารสาร วารสารมุ่งมั่นที่จะจัดการกับกรณีการทุจริตต่อหน้าที่ในการตีพิมพ์โดยทันที และรักษามาตรฐานจริยธรรมสูงสุดตลอดกระบวนการจัดพิมพ์</p> บริษัท อินโนเวชั่น ทู ยู จำกัด th-TH วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ 3088-148X Adhering to Norms or Embracing Variation? A Study of Chinese Business English Learners’ Linguistic Preferences https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JISES/article/view/2355 <p>English has become a global language and is now widely used in countries like China, where English is not the native language. This rise in popularity has led to questions about how English is taught and used in classrooms. This study looks at how 50 Chinese Business English students feel about different types of English, including China English. Using both surveys and interviews, the research collected information through a mixed-methods approach. The analysis showed that students have mixed feelings about China English. On one hand, they are starting to accept different forms of English, but on the other hand, they still believe that “native-speaker” English, like British or American English, is more prestigious. Even though many students now accept the idea that English can be used in many different ways, they still worry about being understood and being professional. These results help us better understand how English is used in Chinese classrooms. They also show that more research is needed to develop teaching methods that include local English forms while helping students communicate well in global settings.</p> Wei Zhen Dong Veerakarn Kanokkamalade ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ 2025-10-31 2025-10-31 1 5 9 17 การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างพลเมืองสู่สังคมโลก https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JISES/article/view/2141 <p>บทความวิชาการนี้ผู้เขียนต้องการที่จะศึกษา การศึกษาในศตวรรษที่ 21 มีวัตถุประสงค์ในการเขียนที่มุ่งเน้นการตระหนักรู้และรับผิดชอบต่อสังคมโลกของเรา การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนลงมือแก้ไขปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับโลก เนื้อหาสำคัญที่บูรณาการประกอบด้วยการทำความเข้าใจ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้เรียนเห็นภาพรวมของความท้าทายและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นการเรียนรู้จะไม่จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน แต่จะขยายไปสู่การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและบริบทในชีวิตประจำวัน ผ่านกระบวนการนี้ ผู้เรียนจะได้พัฒนา ทักษะการคิดเชิงระบบ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์<br />ของปัญหาต่างๆ อย่างรอบด้าน รวมถึง ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก</p> <p>นอกจากนี้ การศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนยังเน้นการส่งเสริม ความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม การยอมรับและเคารพความแตกต่างทางความคิดและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก เพื่อสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและเอื้ออาทร ผู้เรียนจะได้รับการปลูกฝังให้เป็นบุคคลที่มี ความรับผิดชอบต่อสังคม ตระหนักถึงผลกระทบจากการกระทำของตนเองและของส่วนรวม และมีจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก การศึกษาประเภทนี้จึงไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่ยังหล่อหลอมทัศนคติ ค่านิยม และพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพและสามารถนำพาโลกไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง</p> พระปลัดสมศักดิ์ กตธมฺโม (โสรัตน์ถาวร) อิสรพงษ์ ไกรสินธุ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ 2025-10-31 2025-10-31 1 5 18 24 การศึกษาเพื่อการพัฒนา: บทบาทของ AI ในการพัฒนาทักษะ และการเรียนรู้สู่ความยั่งยืน https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JISES/article/view/2209 <p>บทความนี้นำเสนอแนวคิดว่าการศึกษาเพื่อการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนผ่านจากกระบวนทัศน์การถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงเดี่ยวและเน้นการจดจำ ไปสู่กระบวนการเรียนรู้เชิงบูรณาการที่มุ่งสร้างทักษะ สมรรถนะ และคุณลักษณะของผู้เรียนอย่างรอบด้าน กระบวนการดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานคิดที่ว่าการเรียนรู้มิได้เป็นกิจกรรมที่แยกส่วนจากชีวิตจริง หากแต่ต้องเชื่อมโยงกับการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงเชิงพลวัตของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี</p> <p>ในบริบทนี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้เข้ามามีบทบาทเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนและเสริมพลังการศึกษา โดยมิได้จำกัดอยู่เพียงการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล หรือสร้างสื่อการสอนอัจฉริยะ แต่ยังครอบคลุมถึงการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบเรียลไทม์ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบปรับตัว (Adaptive Learning Environment) ตลอดจนการออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพเฉพาะบุคคลของผู้เรียน AI จึงทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสอน ผู้กำกับดูแลการเรียนรู้ และเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพผู้เรียนในด้านการคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน การทำงานร่วมกัน และการใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิจารณญาณ</p> <p>ผลลัพธ์ของการบูรณาการ AI เข้ากับระบบการศึกษามิได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการเรียนรู้ หากยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งด้านคุณภาพชีวิต ความเสมอภาคทางการศึกษา และศักยภาพทางเศรษฐกิจสังคมของผู้เรียน ผลลัพธ์สำคัญคือการสร้างพลเมืองที่พร้อมพึ่งพาตนเอง เข้าใจและเคารพคุณค่าของสังคมและสิ่งแวดล้อม และสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม</p> พระมหาจักรกฤษณ์ ปภสฺสโร (ฉวีวงศ์) ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ 2025-10-31 2025-10-31 1 5 25 32 กระบวนการเสริมสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุข ตามหลักพระพุทธศาสนา https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JISES/article/view/2408 <p>กระบวนการเสริมสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุข ตามหลักพระพุทธศาสนามีวัตถุประสงค์&nbsp; เพื่อวิเคราะห์หลักธรรมที่ส่งผลต่อการสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุข และเพื่อเสนอกระบวนการเสริมสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุขตามหลักพระพุทธศาสนา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยวิธีวิเคราะห์เชิงพรรณนา</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า&nbsp; หลักธรรมที่ผลต่อการสร้างทักษะความเก่งได้แก่อิทธิบาท ๔ โดยในการประพฤติปฏิบัติตามแนวคิดอิทธิบาท ๔ นั้น หลักธรรมที่ส่งผลต่อการสร้างทักษะความดีได้แก่หลักสัปปุริสธรรมหลักธรรมที่ส่งผลต่อการสร้างทักษะด้านการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขได้แก่สังคหวัตถุ ๔ คือหลักธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนา เป็นแนวทางที่ใช้ในการส่งเสริมความสามัคคีและความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม</p> <p>๒. กระบวนการเสริมสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุขตามหลักพระพุทธศาสนา</p> <p>กลไกที่นำไปสู่การสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุข ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลาย&nbsp; เพื่อมุ่งหวังประโยชน์สุขในปัจจุบันคือพระนิพพาน พุทธวิธีชนะความทุกข์ พุทธวิธีคือ วิธีตามแบบของชาวพุทธชนะทุกข์ทั้งปวง&nbsp; แต่หมู่สัตว์มีอุปนิสัยไม่เท่ากัน ส่วนผู้อบรมอินทรีย์มาน้อยไม่สามารถบรรลุสัจจะธรรมได้พระองค์ทรงแนะแนวทางขั้นพื้นฐานด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถพัฒนาขึ้นสูงได้ตามลำดับโดยพระพุทธองค์จะทรงพิจารณาบุคคล สถานที่ อุปนิสัยของบุคคลอยู่ ณ สถานที่นี้ใครจะมีอุปนิสัยใคร่รู้พระสัทธรรม พระพุทธองค์ถ้วนทั่วนั้นเป็นสำคัญที่จะสมควรรู้ธรรมที่จะทรงแสดงนั้นอย่างแจ่มแจ้งในการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ ลักษณะนั้น พระพุทธเจ้าจะไม่ใช้ลักษณะหนึ่งลักษณะใดเฉพาะ&nbsp; สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปมาหลายลักษณะ&nbsp; ที่ทรงแสดงธรรมแต่ละครั้งสิ่งที่ตถาคตตรัสรู้นั้นมีมากเท่ากับใบไม้ทั้งป่า สิ่งที่ทรงเอามาสอนเท่ากับใบไม้กำมือเดียว&nbsp; จะทรงใช้ลักษณะธรรมไหนกี่ครั้งก็ตาม&nbsp; พุทธบริษัทฟังเข้าใจเนื้อความอย่างถูกต้องหมดจด เกิดปัญญาทำลายอาสวะกิเลสถือว่าสำริดประโยชน์</p> <p>กรณีศึกษาการดำรงชีวิตฆราวาสแบบเก่ง ดี มีสุขในสมัยพุทธกาลประกอบด้วย</p> <p>ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าปเสนทิโกศล หมอชีวกโกมารภัจจ์ นางปชาบดีโคตมีหรือพระมหาปชาบดีเถรี นางวิสาขา พระนางสามาวดี &nbsp;และนางขุชชุตตรา</p> <p>ตัวแบบการเสริมสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุขตามหลักพระพุทธศาสนา พบว่าในสมัยพุทธกาล การสร้างทักษะที่เก่ง ดี มีสุข อาศัยกลไกหลายประการที่มีรากฐานจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาทั้งด้านจิตใจและกายภาพ เพื่อให้บุคคลสามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าและเป็นสุข</p> <p><strong>&nbsp;</strong></p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>:</strong> กระบวนการเสริมสร้างทักษะเก่ง ดี มีสุข,หลักพระพุทธศาสนา</p> <p><strong>&nbsp;</strong></p> พระมหาศรายุทธ ธีรปญฺโญ (ดีนาน) ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ 2025-10-31 2025-10-31 1 5 1 8 Variations of Burmese Language Based on Age: A Case Study of Burmese Language Used by Myanmar Students in Bangkok University, Thailand https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JISES/article/view/2354 <p>This study is entitled “Variations of Burmese Language Based on Age: Case Study of Burmese Language Used by Myanmar Students in Bangkok University, Thailand”. The objectives of this research are 1) to study the variations of Burmese language based on age used by Myanmar students in Bangkok University, Thailand, and 2) to analyze the variations of Burmese language used by Myanmar students in Bangkok University, Thailand. The study is mixed with quantitative and qualitative methods. Questionnaires were used for collecting quantitative data from 226 respondents, and in-depth interviews were used for collecting qualitative data from Bangkok University in Thailand. In this research, statistics including Frequency, Percentage, Mean, and Standard Deviation (S.D.) were used for quantitative data, and content analysis was used for analyzing qualitative data.</p> <p>The researcher found that the general background of respondents were that 100 people were males and 126 people were females. The respondents were mostly 18 to 20 years old about 100 respondents or 44.24%; 21 to 30 years old respondents 39.82%, and 31 up were one 36 respondents 15.92% in this research. According to the responses of the participants to the research questionnaires, the results were that most of the people had difficulties with variations of the Burmese language based on age: case study of Burmese language used by Myanmar students in Bangkok University. The result average was a high level equal to x̅ = 3.56 and SD .947 in objective one of this study. In the result of research objective two, the result average level was very high equal to x̅ =4.28 and SD .458 because most of the respondents agreed with the statements of objective two.</p> Wei Zhen Dong Veerakarn Kanokkamalade ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการศึกษาครุศาสตร์ 2025-10-31 2025-10-31 1 5 33 43