การจัดการอรรถประโยชน์ทางการเมืองเพื่อพัฒนาสู่กลยุทธการตลาดการเมือง

ผู้แต่ง

  • วิเชียร พรมแก้ว คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • อธิมาตร เพิ่มพูน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • สัญญา เคณาภูมิ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

DOI:

https://doi.org/10.14456/ajld.2024.10

คำสำคัญ:

อรรถประโยชน์ทางการเมือง, การตลาดการเมือง, กลยุทธ์

บทคัดย่อ

การพัฒนาแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ทางการเมืองจำเป็นต้องมีอรรถประโยชน์ทางการเมือง นักการตลาดทางการเมืองสามารถจัดลำดับความสำคัญของความพยายาม จัดสรรทรัพยากร และเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์โดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประเมินต้นทุนและผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการและกลยุทธ์แคมเปญต่างๆ อย่างเป็นระบบ กลยุทธ์นี้ทำให้แน่ใจว่าการรณรงค์ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของสังคมโดยรวม นอกเหนือจากการชนะการเลือกตั้ง ซึ่งส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งและใช้งานได้มากขึ้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวกลยุทธการตลาดการเมืองบนพื้นฐานแนวคิดอรรถประโยชน์ทางการเมือง   จากการศึกษาพบว่าแนวกลยุทธการตลาดการเมืองบนพื้นฐานแนวคิดอรรถประโยชน์ทางการเมือง  ประกอบด้วย (1) จรรยาบรรณทางการเมือง (2) ความเข้าใจของผู้ลงคะแนนเสียง (3) การวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ (4) ความชัดเจนของข้อความในการสื่อสารการเมือง (5) การมีส่วนร่วมหลายช่องทาง (6) การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (7) การปรับตัวแบบคล่องตัว (8) การสนับสนุนประเด็นปัญหา (9) การสร้างสัมพันธมิตร และ (10) วิสัยทัศน์ระยะยาว  โดยสรุป ผลลัพธ์เน้นที่พฤติกรรมที่มีจริยธรรม ความเข้าใจของผู้ฟัง ตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ ความชัดเจนของข้อความ การมีส่วนร่วมหลายช่องทาง การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การปรับตัวที่คล่องตัว การสนับสนุนประเด็นปัญหา การสร้างแนวร่วม และวิสัยทัศน์ระยะยาว ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการตลาดทางการเมือง ยุทธศาสตร์ตามแนวคิดอรรถประโยชน์ทางการเมือง องค์ประกอบเหล่านี้ร่วมกันเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานงานกิจกรรมการรณรงค์โดยมีเป้าหมายทางการเมืองทั่วไปมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนในด้านการเลือกตั้งและการกำกับดูแล

References

Downs, A. (1957). An economic theory of democracy. New York: Harper & Brothers.

Garrard, J. (2004). Politicians, policies, and political marketing: On the campaign trail in the UK. Manchester University Press.

Johnston, R., & Pattie, C. (2006). Political trust and electoral behaviour: A comparative study. Electoral Studies, 25(1), 125-145.

Lees-Marshment, J. (2014). Political marketing: Principles and applications (2nd ed.). Routledge.

Luo, Y., & Hsieh, J. J. (2007). Ethical concerns in international marketing: A review and research agenda. International Marketing Review, 24(1), 7-34.

Newman, B. I., & Chansarkar, B. (2020). Handbook of political marketing. Routledge.

Norris, P. (2011). Democratic deficit: Critical citizens revisited. Cambridge University Press.

Patterson, T. E. (2000). Doing well and doing good: How soft news and critical journalism are shrinking the news audience and weakening democracy—and what news outlets can do about it. Harvard Kennedy School, Joan Shorenstein Center on the Press, Politics and Public Policy, Working Paper Series, (2).

Scammell, M. (1995). Designer politics: How elections are won. Palgrave Macmillan.

Shepsle, K. A., & Bonchek, M. S. (1997). Analyzing politics: Rationality, behavior, and institutions. New York: W. W. Norton & Company.

Strömbäck, J., & Kiousis, S. (2010). Political public relations: Old practice, new theory-building. In The Handbook of Communication and Corporate Reputation (pp. 359-378). Wiley-Blackwell.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-12-19

How to Cite

พรมแก้ว ว., เพิ่มพูน อ., & เคณาภูมิ ส. (2024). การจัดการอรรถประโยชน์ทางการเมืองเพื่อพัฒนาสู่กลยุทธการตลาดการเมือง. วารสารวิชาการเพื่อพัฒนาท้องถิ่น, 3(2), 49–66. https://doi.org/10.14456/ajld.2024.10