การศึกษาการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบ้านตาน็วง หมู่ที่ 14 ตำบลเฉนียง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
DOI:
https://doi.org/10.14456/ajld.2023.2คำสำคัญ:
การสื่อสารทางการเมือง, ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง, การเมืองในระดับท้องถิ่นบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2) เพื่อเปรียบเทียบการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง บ้านตาน็วง หมู่ที่ 14 ตำบลเฉนียง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ วิธีวิจัย ใช้รูปแบบวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 195 คน คัดเลือกด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.882 ค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า (t-test) ค่า (f-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) และการทดสอบเปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธี LSD (Least Significant Difference) และ ค่านัยสำคัญทางสถิติที่ใช้ในการกำหนดไว้ที่ระดับ 0.05 จากการศึกษาวิจัยพบว่า 1) ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความคิดเห็นต่อระดับการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่น บ้านตาน็วง หมู่ที่ 14 ตำบลเฉนียง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก จำนวน 4 ด้าน คือ ด้านประสิทธิภาพของการสื่อสารทางการเมือง ด้านปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารทางการเมือง ด้านการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 1 ด้าน คือ ด้านพฤติกรรมทางการเมือง 2) ผลการเปรียบเทียบระดับการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง บ้านตาน็วง หมู่ที่ 14 ตำบลเฉนียง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีเพศต่างกัน โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุ อาชีพ ระดับการศึกษา ระดับเทคโนโลยี/แหล่งข้อมูลข่าวสารต่างกัน โดยภาพรวมแตกต่างกัน จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) แนวทางการพัฒนาการสื่อสารทางการเมืองในระดับท้องถิ่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง บ้านตาน็วง หมู่ที่ 14 ตำบลเฉนียง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ข้อเสนอแนะการใช้สื่อแพลตฟอร์มในการสื่อสารสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ช่วยให้ข้อมูลข่าวสารแพร่หลายมากขึ้น รวมถึงมีการสร้างระบบติดตามประเมินผล เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน ช่วยปรับปรุงการสื่อสารให้ตรงตามความต้องการของชุมชนมากขึ้น และ สุดท้าย คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมการจัดเวทีประชาสังคมหรือการประชุมที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการแสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างความโปร่งใสและรับฟังเสียงชุมชน
เอกสารอ้างอิง
พีระ จรโสภณ และคณะ. (2559). ความรู้เท่าทันการสื่อสารยุคดิจิทัลกับบทบาทในการกำหนดแนวทางการปฏิรูปการสื่อสารในสังคมไทย [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์].มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
มนัสนันท์ ศิวะพรพัฒนา และคณะ. (2563). การสื่อสารทางการเมืองของนักการเมืองที่มีผลต่อการไปใช้สิทธิ์ เลือกตั้งทั่วไปของประชาชนในอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี แมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วัฒนา นนทชิต และ กรวิทย์เกาะกลาง. (2563). การสื่อสารทางการเมืองท้องถิ่นยุคดิจิทัลกับพฤติกรรม การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของคนรุ่นใหม่ ระดับอุดมศึกษาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยนครพนม.
วุฒิพร ลิ้มวราภัส. (2562). การศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านสื่อออนไลน์กรณีศึกษาโพสต์ทูเดย์และแนวหน้า [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. สถาบันบัณฑิตพัฒน.บริหารศาสตร์, สำนักบรรณสารการพัฒนา.
สืบแสง แสงทอง. (2563). การเปิดรับข่าวสารและการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ของเจเนอเรชั่นวาย ในเขตกรุงเทพมหานคร [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
สุรีพร คลังพระศรี. (2561). ลักษณะการสื่อสารการเมืองและความคาดหวังทางการเมืองตามระบอบ ประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดมหาสารคาม [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยนครศรีธรรมราช.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.





