การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในพื้นที่บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์

ผู้แต่ง

  • ชุติมา อิ้วชุมแสง บ้านชุมแสง ตำบลทุ่งแสงทอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
  • นันท์นภัทร พยุงวงษ์ บ้านสะเดา ตำบลกาเกาะ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
  • ณัฏฐณิชา เกตุแก้ว บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
  • ดรุณี อันชำนาญ บ้านหลุมดิน ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์
  • ธนรัฐ ยังงาม บ้านโคกเพชร ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินเเดง จังหวัดบุรีรัมย์

DOI:

https://doi.org/10.14456/ajld.2023.1

คำสำคัญ:

การตื่นตัวทางการเมือง, ประชาชน, การมีส่วนร่วมทางการเมือง, ความเข้าใจทางการเมือง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน 2) เปรียบเทียบระดับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) นำเสนอแนวทางการพัฒนาการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ในพื้นที่บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในพื้นที่บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 250 คน สุ่มตัวอย่างแบบสุ่มตามความสะดวก (Convenience sampling) ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.904 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานใช้ค่าที (t-test) และค่าเอฟ (f-test) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ในกรณีที่พบความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จะทำการวิเคราะห์ความแตกต่างด้วยวิธีผลนัยสำคัญน้อยที่สุด ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามปลายเปิด วิเคราะห์โดยการพรรณนาแจกแจงความถี่ประกอบตาราง ผลการวิจัย พบว่า

  1. ประชาชนบ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 146 คน ร้อยละ 58.4 มีอายุ 31-40 ปี จำนวน 54 คน ร้อยละ 21.6 มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาท จำนวน 144 คน ร้อยละ 57.6 สถานภาพสมรส จำนวน 135 คน ร้อยละ 54.0 และส่วนใหญ่ระดับการศึกษามัธยมศึกษา/ปวช. จำนวน 100 คน ร้อยละ 40.0 ตามลำดับ พบว่า ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการตื่นตัวทางการเมือง โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (=3.71, S.D.=0.548) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นด้านที่มีระดับสูงที่สุด (=4.27, S.D.=0.727) อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านการมีส่วนร่วมทางการเมือง (=3.75, S.D.=0.764) อยู่ในระดับมาก ด้านสถาบันครอบครัว (=3.58, S.D.=0.734) อยู่ในระดับมาก ด้านความเข้าใจทางการเมือง (=3.53, S.D.=0.839) อยู่ในระดับมาก ด้านสถาบันสื่อมวลชน (=3.42, S.D.=0.877) อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
  2. ประชาชนที่มีเพศ รายได้ และสถานภาพ แตกต่างกันมีระดับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในพื้นที่บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนประชาชนนี่มีอายุ และระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีระดับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้

3. แนวทางการพัฒนาการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในพื้นที่บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ มีความสำคัญในแต่ละด้าน ดังนี้ คือ ด้านสถาบันครอบครัว ควรส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองอย่างเปิดเผย เพื่อให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองตั้งแต่ในระดับครอบครัว ด้านสถาบันสื่อมวลชน ควรมีการเข้าถึงง่ายเพื่อให้ประชาชนมีการรับรู้ถึงข่าวสารเพื่อช่วยเพิ่มความตื่นตัวทางการเมืองให้กับประชาชน ด้านการไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง ไม่ควรมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เสียงที่ได้มาควรเป็นเสียงที่บริสุทธิ์จากประชาชน ด้านความเข้าใจทางการเมือง ควรมีสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการเมือง ที่ใช้ภาษาง่ายและเนื้อหาที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัย และด้านการมีส่วนร่วมทางการเมือง ควรมีกิจกรรมการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี และควรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองและสังคม เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมือง

References

กฤษชพลณ์ บุญครอง และศิวัช ศรีโภคางกุล. (2562). นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นกับความตื่นตัวทางการเมือง. วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง, 8(3), 94-119.

กัลยกร สังขชาติ. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อความตื่นตัวทางวัฒนธรรมประชาธิปไตยของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 3(2), 21-34.

ชลิต วงษ์สกุล, วัชรินทร์ ชาญศิลป์, พรรษา พฤฒยางกูร, และนริศร ทองธิราช. (2562). การตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชน ในอำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน, (2)1, 1-9.

ณฐมน หมวกฉิม, สุรพล สุยะพรหม, และยุทธนา. (2565) การตื่นตัวทางการเมืองของเยาวชนในระบอบประชาธิปไตยที่มีผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปของไทย. วารสารรัชต์ภาคย์, 16(44), 103-118.

ปกรณ์ เปรมทอง และวัลลภ พิริยวรรธนะ. (2562). การตื่นตัวทางการเมืองต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2562 ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, (9)7, 506-518.

เปรมศักดิ์ แก้วมรกฎ. (2561). วัฒนธรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของวัยรุ่นในสังคมพหุวัฒนธรรม: กรณีศึกษา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยธนบุรี, 12(พิเศษ) , 218-225.

พระทรงวุฒิ รัตนะ และคณะ. (2564). การกล่อมเกลาทางการเมืองของประชาชนที่มีผลต่อการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปในอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์, 4(1), 44-53.

พระมหาชาตรี ชาครชโย (ลอดคำทุย). (2563). การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไป ในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระสร้อยทอง ปญฺญาวุโธ (ประทุมทอง). (2563). การพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในเขตตำบลเมืองเตา อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

วัลลภ รัฐฉัตรานนท์ และนพพล อัคฮาด. (2562). ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างการตื่นตัวทางการเมืองกับความรู้สึกมีสมรรถนะทางการเมืองแบบประชาธิปไตยของนิสิตนักศึกษาในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารการบริหารปกครอง, 8(1), 34.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-11-29

How to Cite

อิ้วชุมแสง ช. ., พยุงวงษ์ น. ., เกตุแก้ว ณ. ., อันชำนาญ ด. ., & ยังงาม ธ. . (2024). การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในพื้นที่บ้านหัวแรต ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์. วารสารวิชาการเพื่อพัฒนาท้องถิ่น, 2(2), 1–16. https://doi.org/10.14456/ajld.2023.1