รูปแบบการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมระบบบริการสุขภาพและสังคม ผ่าน Platform Social Telecare

ผู้แต่ง

  • เยาวเรศ คำมะนาด -
  • ระพีพรรณ คำหอม

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) พัฒนา Platform Social Telecare (PST) สำหรับการติดตามดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases-NCDs) 2) ส่งเสริมการใช้ข้อมูลสารสนเทศสุขภาพในการ ออกแบบบริการสุขภาพที่เหมาะสม และ 3) พัฒนาข้อเสนอระบบติดตามการเยี่ยมบ้านเพื่อการดูแลทางสังคมและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยหลังจำหน่าย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบกึ่งทดลองกับกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วย NCDs จำนวน 3,477 ราย ในโรงพยาบาล 8 แห่ง ผลการวิจัย พบว่า การพัฒนา Platform Social Telecare (PST) ช่วยติดตามและจำแนกระดับความรุนแรงของปัญหาสังคมในผู้ป่วย NCDs ได้อย่างเป็นระบบ จากข้อมูล 13,419 ปัญหา พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง (57.29%) ปัญหาที่พบบ่อยคือการเงิน ภาระการดูแล และอุปสรรคต่อการรักษา ช่วยให้ทีมสุขภาพวางแผนช่วยเหลือได้ตรงจุดและครอบคลุมทุกมิติ  และยังสนับสุนนระบบการเงินการคลังของโรงพยาบาล จากนโยบาย การปรับอัตราค่าบริการสาธารณสุข พ.ศ. 2568 ช่วยเพิ่มบทบาทบริการสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ โดยจากระบบ Social Telecare พบการให้บริการ 11,738 ครั้ง คิดเป็นมูลค่า 6,027,880 บาท เฉลี่ย 513 บาทต่อครั้ง ส่วนใหญ่เป็นบริการหลัก เช่น การวินิจฉัยปัญหาสังคมและการให้คำปรึกษา ส่วนผลการส่งเสริมการใช้ข้อมูลสารสนเทศสุขภาพในการออกแบบบริการสุขภาพที่เหมาะสม  พบว่า PST สนับสนุนกระบวนการทำงานสังคมสงเคราะห์ด้านสุขภาพได้ตามมาตรฐานและสามารถเชื่อมโยงระบบสารสนเทศสุขภาพกับบริการสังคมผ่าน Application Programming Interface-API ระหว่าง Hospital Information eXtreme Platform - HOSxP กับ A-MED Home Ward ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มคุณภาพการดูแล มีการเรียกใช้งาน API สะสมรวม 12,445 ครั้ง และ การพัฒนาข้อเสนอระบบติดตามการเยี่ยมบ้านเพื่อการดูแลทางสังคมและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยหลังจำหน่าย พบว่า บริการเชิงรุกอย่างการเยี่ยมบ้านมีสัดส่วนต่ำ ซึ่งกิจกรรมนี้มีความสำคัญต่อผู้ป่วยเปราะบาง   เนื่องจากข้อจำกัดด้านอัตรากำลัง ด้านบริบทพื้นที่ การเดินทาง และทักษะดิจิทัลของผู้ให้บริการ  ทำให้การเยี่ยมบ้านและติดตามต่อเนื่องทำได้จำกัด  

เอกสารอ้างอิง

กติยา นิธรรม. (2567). การพัฒนาระบบนัดรายกลุ่มต่อการเข้ารับบริการของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ประกอบอาชีพประมง. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 9(1), 45–56.

Bryant, J., Garnham, B., Tedmanson, D., & Diamandi, S. (2018). Tele-social work and mental health in rural and remote communities in Australia. International Social Work, 61(1), 143–155. https://doi.org/10.1177/0020872815606794

Dodsworth, J., Bailey, S., Schofield, G., Cooper, N., & Douglas, G. (2013). Internet technology in foster care communication: An innovative practice. British Journal of Social Work, 43(4), 775–793. https://doi.org/10.1093/bjsw/bcs012

Hosseinpoor, A. R., Bergen, N., Schlotheuber, A., Grove, J. T., Koller, T. S., & Boerma, T. (2018). Measuring health inequalities under the Sustainable Development Goals: The example of noncommunicable diseases. Bulletin of the World Health Organization, 96(11), 654–659. https://doi.org/10.2471/BLT.18.209924

World Health Organization. (2014). Social determinants of health. Geneva: WHO.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-30

รูปแบบการอ้างอิง

คำมะนาด เ., & คำหอม ร. (2025). รูปแบบการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมระบบบริการสุขภาพและสังคม ผ่าน Platform Social Telecare. วารสารสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย, 1(3). สืบค้น จาก https://so19.tci-thaijo.org/index.php/SWPCTH/article/view/2413