ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และ (3) เพื่อศึกษาแนวทางการประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา จำนวน 316 คน และกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายในองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา จำนวน 10 คน ผู้วิจัยใช้รูปการวิจัยแบบผสมผสาน ระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณใช้สถิติการแจกแจงความถี่ และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการนำเสนอเป็นตารางใช้สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณโดยใช้วิธีการคัดเลือกตัวแปรแบบเป็นลำดับ ประกอบการอภิปรายผล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาโดยคัดเลือกและจําแนกข้อมูล จัดระเบียบข้อมูลให้เป็นระบบ จัดทําบรรณาธิกรณ์ข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล แล้วนําข้อมูลไปเขียนเป็นรายงานตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัย ผลการวิจัยพบว่า : (1) การประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ มีค่ามากที่สุด คือ ด้านการประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถ รองลงมาได้แก่ ด้านการนำหลักกุศลกรรมบถไปปฏิบัติและด้านการประเมินในการนำหลักกุศลกรรมบถ) ตามลำดับ (2) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา อย่างมีนียสำคัญ ได้แก่ ด้านความเอาใจใส่ (X4) ด้านการมีส่วนร่วม (X3) และด้านแนวทางปฎิบัติ (X1) มีค่าสัมประสิทธิ์ของตัวพยากรณ์ในคะแนนดิบ (b) เท่ากับ .425 .278 และ .044 ตามลำดับ และ (3) จำเป็นจะต้องกระตุ้นให้ให้ผู้บริหารเห็นประโยชน์ของการรักษาศีลและโทษหรือผลที่จะตามของการไม่มีศีลทั้งทางตรงและทางอ้อม ประโยชน์ เช่น ความสุขใจของตนเอง ได้รับความเชื่อถือส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ทำงานต่อไป มีความสุขสงบเกิดขึ้นภายในท้องถิ่น เป็นต้น ส่วนโทษหรือผลที่จะตามของการไม่มีศีล เช่น ไม่ได้รับความเชื่อถือ ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่ได้รับการเลือกตั้งในสมัยหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ควรส่งเสริมให้มีสติ คิดก่อนพูดและทำ คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นทั้งต่อตนเองและสังคม การเน้นย้ำให้ผู้นำตระหนักว่าตนเองเป็นแบบอย่างให้กับคนในพื้นที่ หากผู้บริหารทำสิ่งที่ดี คนก็จะเอาแบบอย่าง แต่ถ้าทำผิดคุณธรรม คนที่พบเห็นอาจเอาอย่างบ้าง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิผล
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความนี้
References
กัลยา วานิชย์บัญชา.(2560). การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ:
ห้างหุ้นส่วนจํากัด สามลดา.
โกวิทย์ พวงงาม. (2554). การปกครองท้องถิ่น: ว่าด้วยทฤษฎี แนวคิด และหลักการ. กรุงเทพฯ: เอ็กซเปอร์
เน็ท.
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น. (2560). รายงานสรุปผลการประเมินประสิทธิภาพขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นประจำปี 2560. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น.
จินตวีร์ เกษมศุข. (2559). หลักการมีส่วนร่วมกับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธวัชชัย วรรณวงค์ และคณะ. (2558). การประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล
หนองทัพไทย อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารธรรมทัศน์, 15(2), 69 – 76.
พระดำรงค์ สุมงฺคโล (อธิสุมงคล). (2565). การประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถ 10 ในการลดพฤติกรรมก้าวร้าว
ของเยาวชนในชุมชนหมู่บ้านบุฮม ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย. วารสารสถาบันวิจัยพิมล
ธรรม, 9(2), 151 – 162.
พระธรรมโกศาจารย์. (2554). พุทธธรรมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ. กรุงเทพฯ: 21 เซ็นจูลี่ จำกัด.
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ. (2555). แนวคิดทฤษฎีการปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: บพิธการพิมพ์ จำกัด.
วีระศักดิ์ เครือเทพ. (2558). 15 ปี การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย. กรุงเทพฯ:
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี.
สว่างบุญ วงก์ฟ้าเลื่อน. (2566). การประยุกต์ใช้หลักกุศลกรรมบถในพระพุทธศาสนา เพื่อเสริมสร้างคุณภาพ
ชีวิตมนุษย์ในสังคมดิจิทัล. วารสารพุทธพัฒนศาสตร์ศึกษา, 1(1), 64 – 80.
Yamane, Taro. (1973). Statistics an introductory analysis. New York Harper & Row.