ปัจจัยการปฏิบัติงานตามหลักไตรสิกขาของบุคลากรเทศบาลตำบลหนองหาน อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาการปฏิบัติงานตามหลักไตรสิกขาของบุคลากร (2) เพื่อศึกษาปัจจัยการปฏิบัติงานตามหลักไตรสิกขาของบุคลากร และ (3) เพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาการปฏิบัติงานตามหลักไตรสิกขาของบุคลากรเทศบาลตำบลหนองหาน อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากร และประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลหนองหาน อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จำนวน 359 คน และกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้บริหาร หัวหน้าฝ่าย ผู้นำชุมชน ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลหนองหาน อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จำนวน 10 คน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ สถิติที่ใช้สถิติการแจกแจงความถี่ และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการนำเสนอเป็นตารางใช้สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณโดยใช้วิธีการคัดเลือกตัวแปรแบบเป็นลำดับ ประกอบการอภิปรายผล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า : (1) การปฏิบัติงานตามหลักไตรสิกขาของบุคลากร โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ด้านการลงมือทางานตามแผน ด้านการวิเคราะห์งาน ด้านการวางแผนการทำงานและด้านการประเมินผลการทางาน ตามลำดับ (2) ปัจจัยการปฏิบัติงานตามหลักไตรสิกขาของบุคลากร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ปัจจัยด้านกระบวนการปฏิบัติ (X1) ปัจจัยด้านกระบวนการพัฒนา (X2) และปัจจัยด้านกระบวนการสิ่งแวดล้อมทางสังคม (X4) มีค่าสัมประสิทธิ์ของตัวพยากรณ์ในคะแนนดิบ (b) เท่ากับ .670 .037 และ .031 ตามลำดับ และ (3) จำเป็นที่จะต้องบริหารงานเร่งเห็นความสำคัญต่อการส่งเสริมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ให้มากขึ้นกว่าเดิม หมั่นลงพื้นที่ออกตรวจสอบถามความคิดเห็นกับประชาชนให้มากขึ้นกว่าเดิม เอาใจใส่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน บุคลากรควรจะตรวจสอบเพื่อหาข้อบกพร่องแล้วนำมาปรับปรุงและแก้ไข ไฟฟ้าสาธารณะให้สว่างทั่วถึง การบริการคือสิ่งสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งบุคลากรจำเป็นต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ดูแลเอาใจใส่ต่อการบริการ มีความอ่อนน้อมถ่อมตัว อ่อนโยนต่อประชาชนที่มาติดต่อราชการ บริการประชาชนด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง หน่วยงานหรือองค์กรนั้น คืองานบริการประชาชนจำเป็นจะต้องปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ตั้งอยู่บนหลักศีลธรรมในการปฏิบัติงาน เพื่อความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ไม่มีการคดโกง อันประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประสิทธิภาพของบุคลากรในองค์กรอย่างมีประสิทธิผล
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความนี้
References
กัลยา วานิชย์บัญชา.(2560). การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ:
ห้างหุ้นส่วนจํากัด สามลดา.
โกวิทย์ พวงงาม. (2550). การปกครองท้องถิ่นไทย. กรุงเทพฯ: บริษทสำนักพิมพ์วิญญูชน. จำกัด.
โกวิทย์ พวงงาม. (2552). การปกครองท้องถิ่นไทย หลักการและมิติใหม่ในอนาคต. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
เดือนตุลา.
โกวิทย์ พวงงาม.. (2554). การปกครองท้องถิ่น: ว่าด้วยทฤษฎี แนวคิดและหลักการ. กรุงเทพฯ:
เอ็กซเปอร์เน็ท.
เดชชาติ ตรีทรัพย์, พระครูปัญญาธีรธรรม (ศรีแก้ว), บัญญัติ แพรกปาน. (2559). การนำหลักไตรสิกขามาใช้
ในชีวิตประจำวันของประชาชนเทศบาลตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสาร
มหาจุฬานาครทรรศน์, 3(2), 14 – 26.
พระทิพยรส ตนฺติปาโล (ศรีสุข), วรภูริ มูลสิน, พระครูปริยัติปัญญาโสภณ. (2567). การประยุกต์ใช้หลัก
ไตรสิกขาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนตําบลเกาะแก้ว อําเภอสําโรง
ทาบ จังหวัดสุรินทร์. วารสารวนัมฎองแหรกพุทธศาสตรปริทรรศน์, 11(1), 165 – 178.
พระสมุห์หลง อิทฺธิญาโณ และคณะ. (2566). การประยุกต์หลักไตรสิกขาเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ
องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน. Journal of
Buddhist Innovation and Management, 6(5), 1 – 13.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2553). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้งที่ 17.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ. (2555). แนวคิดทฤษฎีการปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: บพิธการพิมพ์จำกัด.
วุฒิสาร ตันไชย. (2557). การกระจายอำนาจและประชาธิปไตยในประเทศไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ:
สถาบันพระปกเกล้า.
Yamane, Taro. (1973). Statistics an introductory analysis. New York Harper & Row.