ศีล สมาธิ ปัญญา กับการจัดการความขัดแย้งในชุมชนไทย

Main Article Content

สุวิทย์ เอี่ยมสะอาด

บทคัดย่อ

การจัดการความขัดแย้งในชุมชนไทยนับเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงทางสังคมในระยะยาว โดยเฉพาะภายใต้บริบทของสังคมพหุวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางความเชื่อ วิถีชีวิต และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน บทความนี้นำเสนอองค์ความรู้ใหม่ภายใต้ชื่อ “โมเดลไตรสิกขาเพื่อการจัดการความขัดแย้งในชุมชนไทยอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นการบูรณาการหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา มาเป็นแนวทางการจัดการความขัดแย้งอย่างสอดคล้องกับบริบทวัฒนธรรมไทย ศีลทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมทางกายและวาจา ลดการกระทบกระทั่งและส่งเสริมการประพฤติอยู่ในกรอบจริยธรรมของชุมชน สมาธิมีบทบาทในการควบคุมอารมณ์ ความคิด และความโกรธ ทำให้เกิดภาวะจิตใจที่สงบนิ่ง พร้อมเปิดรับความคิดเห็นของผู้อื่น ส่วนปัญญาทำหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวม และตัดสินใจอย่างเป็นธรรม การดำเนินการตามแนวทางไตรสิกขาในกระบวนการจัดการความขัดแย้งจึงก่อให้เกิดทักษะสำคัญ ได้แก่ การฟังอย่างเข้าใจ (empathetic listening) การสื่อสารอย่างเปิดเผย และการเจรจาเชิงประนีประนอม ซึ่งนำไปสู่ความสงบสุขและความมั่นคงในระดับชุมชน โมเดลที่พัฒนาขึ้นนี้จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการแปรเปลี่ยนพลังของความขัดแย้งไปสู่การสร้างสรรค์ระบบความสัมพันธ์เชิงบวกที่ยั่งยืน ลดโอกาสในการเกิดความรุนแรง และส่งเสริมการพัฒนาชุมชนไทยในมิติที่ลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติของสังคมวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง

Article Details

บท
บทความวิชาการ

References

ปาริชาติ เปรมวิชัย. (2566). หลักไตรสิกขาเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์, 6(1), A-34–A-41.

ปิยะมาศ สื่อสวัสดิ์วณิชย์. (2567). อิทธิพลของการบริหารสมัยใหม่ พลวัตการเรียนรู้ การจัดการความรู้การจัดการความขัดแย้ง และการยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อการจัดองค์การแห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล. Journal of Roi Kaensarn Academi, 9(1), 15–34.

พระครูโสภณวีรานุวัตร. (2567). การจัดการความขัดแย้งในองค์กรเชิงพุทธสู่ความสามัคคีที่ยั่งยืน. วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์, 2(3), 20–33.

พระครูใบฏีกาหัสดี กิตตินนฺโท. (2565). ไตรสิกขา: ศาสตร์แห่งการพัฒนาเส้นทางชีวิต. วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์, 7(2), 106–110.

พระปราโมทย์ วาทโกวิโท. (2567). กลยุทธ์การไกล่เกลี่ยเพื่อขจัดความขัดแย้งในองค์กรภาครัฐ. วารสารปัญญาและคุณธรรม, 1(3), 1–10.

พระมหาจิตรภาณุ อาจารคุตฺโต (สรวงสิงห์). (2564). ไตรสิกขา: รูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตามหลักพุทธบริหารการศึกษา. วารสารนิตยสารเสียงธรรมจากมหายาน, 7(2), 37–49.

พระมหาเกรียงศักดิ์ โสภากุล. (2562). พุทธวิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวสังคมไทยปัจจุบัน. วารสารสังคมศาสตร์ปัญญาพัฒน์, 1(2), 25–32.

พระมหาโกศล ธีรปญฺโญ. (2567). ไตรสิกขากับการจัดการเรียนการสอนในยุคดิจิทัล. วารสารจิตวิทยาพุทธศาสตร์ประยุกต์เพื่อสังคม, 10(2), 373–392.

พระมหาพงศกร สิมพา. (2567). กระบวนการเรียนรู้จินตวิศวกรรมบูรณาการหลักไตรสิกขา. วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย, 6(1), 269–278.

พระมหาศุภนันท์ วรปญฺโญ (ว่องมงคลเดช), สิทธิโชค ปาณะศรี, และ พระครูวิจิตรศีลาจาร. (2567). การประยุกต์ใช้หลักไตรสิกขาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนกะพังสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง. วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์, 9(3), 245–256.

ศรชัย ท้าวมิตร. (2562). การพัฒนาสังคมด้วยหลักไตรสิกขา ของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย. วารสารปรัชญาปริทรรศน์, 24(1), 18–28.

ศิริวรรณ บัวโชติ, และ กัมปนาท วงษ์วัฒนพงษ์. (2564). การบริหารการจัดการความขัดแย้งตามหลักพุทธธรรม. Journal of Roi Kaensarn Academi, 6(2), 342–353.

สัญญา บริสุทธิ์. (2564). คุณลักษณะผู้นำกับการจัดการความขัดแย้ง. มนุษยสังคมสาร (มสส.), 19(2), 229–251.

สาโรจน์ พึ่งไทย. (2568). การพัฒนาความผูกพันในองค์กรโดยพุทธสันติวิธี. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 13(1), 222–233.

สมาน ศิริเจริญสุข. (2565). ภาวะผู้นำกับการจัดการความขัดแย้ง. วารสารวิจัยวิชาการ, 5(6), 301–316.

สายฝน กาลเนตร, อภิสิทธิ์ สมศรีสุข, และคณะ. (2567). องค์ประกอบของการจัดการความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา. วารสารครุศาสตร์ปัญญา, 3(5), 32–41.