จริยธรรมการตีพิมพ์ Publication Ethics

  1. จริยธรรมของบรรณาธิการ (Editor)

1) บรรณาธิการ มีหน้าที่พิจารณาคุณภาพของบทความ เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารพุทธรัตโนบลที่ตนรับผิดชอบ และต้องคัดเลือกบทความมาตีพิมพ์หลังจากผ่านกระบวนการพิจารณาคุณภาพของบทความแล้ว โดยพิจารณาจากความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหาบทความกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสารพุทธรัตโนบลเป็นสำคัญ และจะต้องมีข้อความรู้ที่สะท้อนมุมมอง แนวคิดเชิงทฤษฎีที่ได้จากประสบการณ์ การสังเคราะห์เอกสาร หรืองานวิจัย มุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิดทฤษฎีใหม่ รวมถึงแบบจำลองเชิงแนวคิด (Conceptual Model) ที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันจะนำไปสู่การวิจัยในหัวข้อวิชาการที่สำคัญ

2) บรรณาธิการ จะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้นิพนธ์ และผู้พิจารณาคุณภาพของบทความแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในระหว่างขั้นตอนการประเมินบทความ

3) บรรณาธิการ จะต้องไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาแล้ว โดยต้องมีการตรวจสอบการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) อย่างจริงจัง และใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ตรวจจับที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แน่ใจว่า บทความที่จะตีพิมพ์ในวารสารไม่มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น และหากตรวจพบ การคัดลอกผลงานของผู้อื่น จะต้องหยุดกระบวนการพิจารณา และติดต่อผู้นิพนธ์บทความหลักทันที เพื่อขอคำชี้แจง เพื่อประกอบการ “ตอบรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความดังกล่าว

4) หากบรรณาธิการตรวจพบว่า บทความมีการลอกเลียนบทความอื่นโดยมิชอบ หรือมีการปลอมแปลงข้อมูล ซึ่งสมควรถูกถอดถอน แต่ผู้นิพนธ์ปฏิเสธที่จะถอนบทความ บรรณาธิการสามารถดำเนินการถอนบทความได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้นิพนธ์ ซึ่งถือเป็นสิทธิและความรับผิดชอบต่อบทความของบรรณาธิการ

5) บรรณาธิการ จะต้องไม่ขัดแย้งหรือไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ และผู้พิจารณา

6) บรรณาธิการ ต้องไม่นำข้อมูลบางส่วน หรือทุกส่วนของบทความไปเป็นผลงานของตนเอง

7) บรรณาธิการ มีหน้าที่พิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยที่มีระเบียบวิธีวิจัยที่ถูกต้อง และให้ผลที่น่าเชื่อถือ โดยนำผลของการวิจัยมาเป็นตัวชี้นำว่า สมควรตีพิมพ์เผยแพร่หรือไม่

8) บรรณาธิการ จะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้นิพนธ์บทความ และผู้ทรงวุฒิพิจารณาคุณภาพของบทความแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในระหว่างขั้นตอนการประเมินบทความ

9) บรรณาธิการ จะออกหนังสือตอบรับการตีพิมพ์บทความได้ ต่อเมื่อผู้นิพนธ์ได้แก้ไขบทความถูกต้องครบถ้วนตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิแล้วเท่านั้น

  1. จริยธรรมของผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ (Reviewer)

1) ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ ต้องรักษาความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อประเมินแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในระหว่างขั้นตอนของการประเมินบทความ

2) ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ ตระหนักว่า หลังจากได้รับบทความจากบรรณาธิการวารสารพุทธรัตโนบล และตนเองอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ที่ทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้ ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ ควรแจ้งให้บรรณาธิการวารสารทราบและปฏิเสธการพิจารณาบทความดังกล่าว

3) ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ ควรพิจารณาบทความในสาขาวิชาที่ตนมีความเชี่ยวชาญ โดยพิจารณาความสำคัญของเนื้อหาในบทความที่มีต่อสาขาวิชานั้นๆ คุณภาพของการวิเคราะห์ และความเข้มข้นของผลงานหรือระบุผลงานวิจัยที่สำคัญๆ และสอดคล้องกับบทความที่กำลังประเมิน นอกจากนี้ ควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับวรรณกรรมที่ผู้นิพนธ์ไม่ได้รวมไว้ด้วย และไม่ควรใช้การตัดสินส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเป็นเกณฑ์ในการประเมินบทความ

4) เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ พบว่า มีส่วนใดของบทความ ตรวจพบการลอกเลียนแบบ ที่มีความเหมือนกัน หรือซ้ำซ้อนกับผลงานชิ้นอื่นๆ ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบทันที

5) ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ จะต้องไม่อ้างสิทธิ์บทความที่ส่งมาประเมินในบางส่วนหรือทั้งหมดเป็นของตนเอง

  1. จริยธรรมของผู้นิพนธ์ (Author)

1) ผู้นิพนธ์ จะต้องมั่นใจ และต้องรับรองว่า บทความที่ส่งมาพิจารณา ตนไม่เคยส่งไปยังวารสารอื่น หรือได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และจะไม่ส่งต้นฉบับบทความซ้ำซ้อนกับวารสารอื่น

2) ผู้นิพนธ์ จะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย จะต้องไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง

3) ผู้นิพนธ์ จะต้องปรับแก้ไขบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบของวารสารวารสารพุทธรัตโนบล ในหัวข้อ “แนวปฏิบัติสำหรับผู้นิพนธ์” ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์วารสาร

4) ผู้นิพนธ์ที่มีชื่อในบทความจะต้องเป็นผู้มีส่วนในการจัดทำบทความหรือมีส่วนในการดำเนินการวิจัย

5) หากมีการนำผลงาน ภาพ หรือตาราง มาใช้ในบทความของตนเอง ผู้นิพนธ์จะต้องอ้างอิงอย่างถูกต้องพร้อมระบุแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ผู้เขียนจะต้องรับผิดชอบต่อการฟ้องร้องทางกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว (หากมีการฟ้องร้องจะเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์แต่เพียงผู้เดียว ทางวารสารพุทธรัตโนบล จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น)

6) ผู้นิพนธ์ จะต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงในบทความ ทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหา และไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิง หรือใส่ไว้ในบรรณานุกรม และควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม

7) ผู้นิพนธ์ จะต้องปรับแก้ไขบทความตามผลประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ และกองบรรณาธิการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด

8) ผู้นิพนธ์ จะต้องไม่รายงานข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างข้อมูลเท็จ หรือการปลอมแปลง บิดเบือน รวมไปถึงการตกแต่ง หรือ เลือกแสดงข้อมูลเฉพาะที่สอดคล้องกับข้อสรุป

9) ผู้นิพนธ์ ต้องระบุแหล่งที่มาของเงินทุนวิจัย (ถ้ามี) รวมถึงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้อง

10) ควรแจ้งคำขอบคุณเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้มีส่วนสนับสนุนที่เกี่ยวข้องแล้วเท่านั้น

11) ผู้นิพนธ์ ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่ถูกถอดถอนออกไปแล้ว เว้นแต่ข้อความที่ต้องการสนับสนุนนั้น เป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการถอดถอน จะต้องระบุไว้ในข้อความอ้างอิงดังกล่าวว่า "บทความที่ถูกเพิกถอน"