พรรคเพื่อไทยกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

Main Article Content

พงศกร รัตนเรืองวัฒนา

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาพัฒนาการของพรรคเพื่อไทยกับบริบทของการเมืองไทยหลังเหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2557 จนถึงก่อนการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566 (2) ศึกษาพลังท้าทายสำคัญทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566 และ (3) ศึกษาปัจจัยความล้มเหลวของพรรคเพื่อไทยต่อการกำหนดยุทธศาสตร์และการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2566 โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการศึกษาจากเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า (1) พัฒนาการของพรรคเพื่อไทยกับบริบทของการเมืองไทยหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2557 จนถึงก่อนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทยถูกจำกัดบทบาทอย่างมาก แม้ว่าพรรคจะสามารถรักษาฐานเสียงเดิมในภาคเหนือและอีสานไว้ได้ แต่กลับไม่สามารถปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์หรือยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริบทการเมืองใหม่ โดยเฉพาะในด้านการตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นใหม่ และการเคลื่อนไหวที่เน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของระบบการเมือง (2) พลังท้าทายสำคัญทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566 ได้แก่ พรรคก้าวไกล ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่และประชาชนในเขตเมืองด้วยนโยบายก้าวหน้า กล้าเผชิญหน้าและท้าทายระเบียบอำนาจเดิมอย่างเปิดเผย และการที่พรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทยยังคงมีอิทธิพลในเชิงนโยบาย และฐานท้องถิ่นเป็นอุปสรรคในการขยายพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยในบางภูมิภาค (3) ปัจจัยความล้มเหลวของพรรคเพื่อไทยต่อการกำหนดยุทธศาสตร์และการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 แม้พรรคเพื่อไทยจะนำเสนอนโยบายประชานิยมรูปแบบใหม่ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แต่กลับไม่สามารถสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ นโยบายขาดความน่าเชื่อถือทางการคลังและไม่สามารถสร้างแรงจูงใจเท่ากับนโยบายก้าวหน้าเชิงโครงสร้างของพรรคก้าวไกล พรรคยังขาดเอกภาพทางยุทธศาสตร์ภายใน และเกิดความสับสนในท่าทีต่อพรรคทหาร โดยเฉพาะในช่วงหลังเลือกตั้งที่มีข่าวลือเรื่อง “จับมือพลังประชารัฐ” ทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือในหมู่ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ การรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทยเน้นฐานเสียงเดิมมากเกินไป และไม่สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขาดการใช้สื่อใหม่และการสื่อสารแนวคิดที่สอดคล้องกับวาทกรรมการเมืองร่วมสมัย

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
รัตนเรืองวัฒนา พ. (2025). พรรคเพื่อไทยกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566. วารสารนิติรัฐ, 3(4), 13–23. สืบค้น จาก https://so19.tci-thaijo.org/index.php/LSJ/article/view/2083
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ไชยา พรหมา. (2563). พรรคการเมืองกับการสร้างความนิยมทางการเมือง: กรณีศึกษาพรรคเพื่อไทย. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเมือง), มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

ธนวัชร์ วัฒนา. (2567). ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พ.ศ. 2566. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเมือง), มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

พงศกร อรรณนพพร. (2561). การสร้างและการรักษาฐานสนับสนุนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเมือง), มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

รติกา พันธ์สวัสดิ์. (2566). การสร้างแบรนด์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเมือง), มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

สิริพรรณ นกสวน สวัสดี, ณัชชาภัทร อมรกุล และปุรวิชญ์ วัฒนสุข. (2566). บทบาทของพรรคการเมืองกับการให้การศึกษาทางการเมือง. สถาบันพระปกเกล้า, วิทยาลัยการเมืองการปกครอง.

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. (2566). ข้อมูลสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566. ผู้แต่ง.

Acemoglu, D., & Robinson, J. A. (2001). A theory of political transitions. American Economic Review, 91(4), 938-963.

Acemoglu, D., Egorov, G., & Sonin, K. (2013). A political theory of populism. The Quarterly Journal of Economics, 128(2), 771-805.

Blumler, J. G. (2015). Core theories of political communication: Foundational and freshly minted. Communication Theory, 25, 426-438.

Denton, R. E., Jr. (Ed). (2017). Political campaign communication: Theory, method, and practice. Lexington.

Duverger, M. (1964). Political parties: Their organization and activity in the modern state (3rd ed.). Methuen.

Holbert, R. L., & Benoit, W. L. (2009). A theory of political campaign media connectedness. Communication Monographs, 76(3), 303-332.

Holcombe, R. G. (2021). Populism: Promises and problems. The Independent Review, 26(1), 27-37.

Michels, R. (1999). Political parties: A sociological study of the oligarchical tendencies of modern democracy. Routledge.

Nimmo, D. (1977). Political communication theory and research: An overview. Annals of the International Communication Association, 1(1), 441-452.

Reynolds, K. J., Jones, B. M., O’Brien, K., & Subasic, E. (2013). Theories of socio-political change and the dynamics of sub-group versus superordinate interests. European Psychologist, 18(4), 235-244.