วารสารนวัตกรรมบริหารธุรกิจและการบัญชี https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas <p><strong>วารสารนวัตกรรมบริหารธุรกิจและการบัญชี</strong><br /><strong>Journal of Innovations in Business Management and Accounting</strong><br />ISSN 3088-1153 (Print)<br />ISSN 3088-1161 (Online)</p> <p><strong>วัตถุประสงค์วารสาร</strong><br />วารสารมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คณาจารย์ นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไปได้มีโอกาสเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ และเพื่อเป็นแหล่งสืบค้นทางด้านนวัตกรรม บริหารธุรกิจและการบัญชีในระดับชาติและนานาชาติ</p> <p><strong>ขอบเขตวารสาร</strong><br />- บริหารธุรกิจ<br />- การบัญชี<br />- การจัดการ <br />- การจัดการโลจิสติกส์<br />- การประกอบการ <br />- เทคโนโลยีสารสนเทศ<br />- การเงินธุรกิจระหว่างประเทศ<br />- การตลาด<br />- การจัดการทรัพยากรมนุษย์<br />- คอมพิวเตอร์ธุรกิจ<br />- พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์<br />- เศรษฐศาสตร์</p> <p><strong>กำหนดการออกวารสาร</strong> ออกปีละ 3 ฉบับ ดังนี้ <br />- ฉบับที่ 1 ประจำเดือน มกราคม ถึง เมษายน<br />- ฉบับที่ 2 ประจำเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคม<br />- ฉบับที่ 3 ประจำเดือน กันยายน ถึง ธันวาคม<br /><br /><strong>ประเภทบทความ</strong> <br />- บทความวิจัย<br />- บทความวิชาการ</p> <p><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์บทความ</strong> รับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong>การประเมินบทความและการตีพิมพ์บทความ</strong><br />1. บทความจะได้รับการประเมินเบื้องต้น ประกอบด้วย ขอบเขตของวารสาร รูปแบบการเขียนบทความ การอ้างอิง และแบบฟอร์มการส่งบทความ<br />2. เมื่อผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจะถูกส่งไปประเมินคุณภาพของบทความจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่านที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบัน <br />3. รูปแบบการประเมินบทความเป็นแบบผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (Double-Blind Peer Review) <br />4. การรับตีพิมพ์ (Accepted Submission) บทความบทความจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ อย่างน้อย 2 ท่าน และมีการแก้ไขจากผู้เขียนตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิครบถ้วนทุกประการ<br />5. ใบตอบรับ จะได้รับหลังจากการรับตีพิมพ์จากวารสารเท่านั้น</p> <p><strong>ทั้งนี้</strong> ฟรีค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ตลอดทุกขั้นตอนของวารสาร</p> th-TH <p>ต้องใส่ข้อความลิขสิทธิ์</p> jibma@ksu.ac.th (ดร.เสาวลักษณ์ จิตติมงคล) jibma@ksu.ac.th (ผศ.ดร.บัญชา เหลือผล) Mon, 06 Oct 2025 11:52:12 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 นวัตกรรมการตลาดดิจิทัล: บทบาทต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2199 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาบทบาทของนวัตกรรมการตลาดดิจิทัลที่ส่งผลต่อความสำเร็จทางการตลาดของธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมในประเทศไทย 2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างนวัตกรรมการตลาดดิจิทัลกับความยั่งยืนของธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม 3) เพื่อพัฒนากรอบแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการยกระดับศักยภาพการแข่งขันและความยั่งยืนของธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม โดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมในสาขาหัตถกรรม สิ่งทอ เครื่องประดับ ศิลปะการแสดง และอาหารพื้นถิ่น โดยสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวน 15 รายการวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และการวิเคราะห์เชิงอุปนัย (Inductive Analysis) ร่วมกับการตรวจสอบแบบสามเส้า (Triangulation) ผลการวิจัยพบว่า นวัตกรรมการตลาดดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ (1) การเข้าใจผู้บริโภคดิจิทัล (2) การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า (3) การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (4) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และ (5) การวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์ มีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับความสำเร็จทางการตลาดและความยั่งยืนของธุรกิจ สอดคล้องกับ DOI ที่อธิบายการยอมรับนวัตกรรมเป็นลำดับขั้น TAM ที่เน้นการรับรู้ประโยชน์และความง่ายในการใช้งาน และ DCT ที่ชี้ถึงความสามารถในการปรับตัวขององค์กร ข้อค้นพบดังกล่าวมีนัยสำคัญต่อเชิงนโยบายและการปฏิบัติ ได้แก่ การสนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อวัฒนธรรม การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านการตลาดดิจิทัล และการเชื่อมโยงเชิงเครือข่ายเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการตลาดที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ผลการวิจัยสามารถใช้เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์แก่ผู้ประกอบการ หน่วยงานรัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อยกระดับธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนคุณธรรมในระยะยาว</p> ศิริวรรณ พนัสนาชี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมบริหารธุรกิจและการบัญชี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2199 Mon, 06 Oct 2025 00:00:00 +0700 บรรยากาศองค์กร แรงจูงใจในการทำงาน และการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานชาวไทยบริษัทแฟลชเอ็กซ์เพรสในกรุงเทพมหานคร https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2210 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อศึกษา 1) บรรยากาศองค์กรที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในทำงานของพนักงานชาวไทยบริษัทแฟลชเอ็กซ์เพรสในกรุงเทพมหานคร 2) แรงจูงใจในการทำงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในทำงานของพนักงานชาวไทยบริษัทแฟลชเอ็กซ์เพรสในกรุงเทพมหานคร และ 3) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในทำงานของพนักงานชาวไทยบริษัทแฟลชเอ็กซ์เพรสในกรุงเทพมหานคร โดยมีกลุ่มตัวอย่างของการวิจัย คือ พนักงานชาวไทยบริษัทแฟลชเอ็กซ์เพรสในกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน โดยการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสมการถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า 1) บรรยากาศองค์กร ได้แก่ การยอมรับความขัดแย้ง และความอบอุ่น ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน 2) แรงจูงใจในการทำงาน ได้แก่ ความรับผิดชอบ ความก้าวหน้า นโยบายและการบริหารขององค์การ การบังคับบัญชา ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา และเงินเดือน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และ 3) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ การสรรหาคัดเลือกบุคลากร การฝึกอบรมและการพัฒนา และการประเมินผลการปฏิบัติงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในบริษัทแฟลชเอ็กซ์เพรสในกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> กั๋วเสวี่ย ต้วน, ปราณี เอี่ยมละออภักดี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมบริหารธุรกิจและการบัญชี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2210 Mon, 06 Oct 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาผลกระทบของอิทธิพลทางสังคม ความชื่นชอบในงาน และความดึงดูดขององค์กรที่มีผลต่อความตั้งใจสมัครงานของกลุ่ม First Jobber ในกรุงเทพมหานคร https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2211 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลทางสังคม ความชื่นชอบในงาน และความน่าดึงดูดขององค์กรที่ส่งผลต่อความตั้งใจในการสมัครงานของกลุ่ม First Jobber ในเขตกรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่ม First Jobber ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน โดยการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมทั้งสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า อิทธิพลทางสังคม ได้แก่ ด้านการคล้อยตาม ด้านการทำตามคําขอ และด้านการเชื่อฟัง ความชื่นชอบในงาน ได้แก่ ด้านความตั้งใจในการดำรงสมาชิกภาพกับองค์การ ด้านความตั้งใจในการกล่าวรับรององค์การในทางบวก ด้านความตั้งใจพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ด้านความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ และความตั้งใจในการสร้างผลงานที่ดีเลิศ และความน่าดึงดูดขององค์กร ได้แก่ ด้านความน่าสนใจ ด้านสังคมด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนา และด้านการประยุกต์ใช้ มีผลต่อความตั้งใจในการสมัครงานของกลุ่ม First Jobber ในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> ปณต ศรีศุภอรรถ, อนุฉัตร ช่ำชอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมบริหารธุรกิจและการบัญชี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2211 Mon, 06 Oct 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ และหน่วยงานในเครือ https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2212 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อศึกษาลักษณะงาน ประสบการณ์ทำงาน และคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ และหน่วยงานในเครือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงาน และลูกจ้างของธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ และหน่วยงานในเครือ จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และสถิติ ที่ใช้ คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสมการถดถอยเชิงพหุ ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยด้านลักษณะงาน ได้แก่ ด้านความมีเอกลักษณ์ของงาน ด้านผลป้อนกลับของงาน และด้านงานที่มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีผลเชิงบวกต่อความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ และหน่วยงานในเครือ 2) ปัจจัยด้านประสบการณ์ในการทำงาน ได้แก่ ด้านความรู้สึกว่าตนเอง ด้านความรู้สึกว่าองค์การเป็นที่พึ่งพาได้ ด้านความคาดหวังที่ได้รับการตอบสนองจากองค์การ และด้านทัศนคติต่อเพื่อนร่วมงานและองค์การ มีผลเชิงบวกต่อความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ และหน่วยงานในเครือ และ 3) ปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตในการทำงาน ได้แก่ ด้านค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ด้านสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย และด้านความเจริญเติบโตและความมั่นคง มีผลเชิงบวกต่อความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ และหน่วยงานในเครือ</p> สิริโสภา สุนารักษ์, ปราณี เอี่ยมละออภักดี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมบริหารธุรกิจและการบัญชี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so19.tci-thaijo.org/index.php/jbaas/article/view/2212 Mon, 06 Oct 2025 00:00:00 +0700