การมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อย ในการพัฒนาชุมชนของเทศบาล ตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์

บทคัดย่อ

วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อย ในการพัฒนาชุมชนของเทศบาลตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ 2) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อย ในการพัฒนาชุมชน ของเทศบาลตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อยในการพัฒนาชุมชนของเทศบาลตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ดำเนินการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้เครื่องมือการวิจัย คือ แบบสอบถาม ซึ่งมีคำความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.985 กลุ่มตัวอย่าง คือประชาชนในพื้นที่บ้านโนนสวายน้อย ตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 188 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาความถี่ค่าร้อยละ คำเฉลี่ย และค่าเยี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการทดสอบค่าเอฟ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทำการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด

          ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อย ในการพัฒนาชุมชนของเทศบาลตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง (=2.53) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ เป็นด้านที่มีระดับสูงที่สุด อยู่ในระดับป่านกลาง (==2.71)รองลงมาด้านการมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน อยู่ในระดับปานกลาง (( =-2.60) ด้านการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ อยู่ในระดับปานกลาง (=-2.50) และด้านการมีส่วนร่วมในการประเมินผลอยู่ในระดับน้อย (==2.31) 2) ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อย ในการพัฒนาชุมชนของเทศบาลตำบลบุแกรงอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ประชาชนที่มีอายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีเพศต่างกันไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย 3) ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนบ้านโนนสวายน้อย ในการพัฒนาชุมชนของเทศบาลตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ ประชาชนได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมน้อย ไม่ค่อยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม และได้รับการประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง บางคนสุขภาพไม่ค่อยดี ประชาชนได้รับการดูแลรักษาพยาบาลไม่ทั่วถึง ได้รับงบประมาณในการส่งเสริมด้านอาชีพไม่เพียงพอ ควรมีการประชาสัมพันธ์ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมร่วมอย่างทั่วถึง สนับสนุนงบประมาณโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาส่งเสริมอาชีพอย่างต่อเนื่อง ให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมดูแลคนพิการและผู้สูงอายุ และควรมีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวก