https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/issue/feed วารสารปัญญาภาวนา 2025-11-06T14:13:33+07:00 รศ.ดร.รัตนะ ปัญญาภา rattana.prof@gmail.com Open Journal Systems <p><strong>วารสารปัญญาภาวนา (Journal of Wisdom Development)<br /><br />ISSN: 3057-0468 (Online)</strong> <br /><br />วารสารปัญญาภาวนา ดำเนินการโดยหน่วยงานเอกชน คือ สถาบันพัฒนาวิชาการปัญญาภา เริ่มต้นดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2567 เป็นวารสารสาขาสังคมศาสตร์ (Social Sciences) ที่เน้นรับบทความด้านการศึกษา (Education) และบทความที่สัมพันธ์กับการศึกษา รวมทั้งสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่สัมพันธ์กับการศึกษา<br /><br /></p> <p><strong>วัตถุประสงค์<br /></strong>วารสารปัญญาภาวนามีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการของคณาจารย์ นักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไปที่เกิดขึ้นจากกระบวนการวิจัย การศึกษาค้นคว้าเรียบเรียงอย่างเป็นระบบในรูปแบบบทความวิจัย บทความวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือ<strong><br /></strong></p> <p><strong>ขอบเขต</strong> <br />วารสารปัญญาภาวนาเป็นวารสารสาขาสังคมศาสตร์ (Social Sciences) ที่เน้นรับบทความด้านการศึกษา (Education) และบทความที่สัมพันธ์กับการศึกษา รวมทั้งสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่สัมพันธ์กับการศึกษา โดยมีอนุสาขาที่รับตีพิมพ์ดังนี้<br />1.การบริหารการศึกษา (Educational Administration)<br />2.หลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ (Curriculum and Learning Management) <br />3.สังคมศึกษา (Social Studies)<br />4.พุทธศาสนศึกษา (Buddhist Studies)<br />5.การศึกษาปฐมวัย (Early Childhood Education)<br />6.การประถมศึกษา (Elementary Education)<br />7.มัธยมศึกษา (Secondary Education)<br />8.สุขศึกษาและพลศึกษา (Health and Physical Education)<br />9.เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา (Educational Technology and Innovation)<br />10.คอมพิวเตอร์ศึกษา (Computer Education)<br />11.ศิลปศึกษา (Art Education)<br />12.ดนตรีศึกษา (Music Education)<br />13.นาฏศิลป์ศึกษา (Drama and Performance Education) <br />14.คณิตศาสตร์ศึกษา (Mathematics Education)<br />15.การศึกษานอกระบบโรงเรียน (Non-Formal Education)<br />16.จิตวิทยาการศึกษา (Educational Psycholog) <br />17.การศึกษาพิเศษ (Special Education)<br />18.การจัดเรียนรู้ด้านภาษาศาสตร์ (Linguistics learning Management) <br />19.ศาสตร์ที่สัมพันธ์กับการศึกษา (Sciences Relating to Education)</p> <p><strong>ประเภทของบทความที่รับตีพิมพ์ <br /></strong>1.บทความวิจัย (Research article) <br />2.บทความวิชาการ (Academic article) <br />3.บทวิจารณ์หนังสือ (Book review)</p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์เผยแพร่:</strong> ปีละ 3 ฉบับ ได้แก่<br />ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม-เมษายน<br />ฉบับที่ 2 เดือน พฤษภาคม-สิงหาคม<br />ฉบับที่ 3 เดือน กันยายน-ธันวาคม</p> <p><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์:</strong> ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ </p> <p><strong>กระบวนการพิจารณาบทความ:</strong> ทุกบทความที่ส่งเข้ารับการพิจารณาตีพิมพ์จะได้รับการตรวจสอบความถูกต้องและประเมินคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Reviewer) จำนวน 3 คน โดยปกปิดข้อมูลของทั้งสองฝ่าย (Double Blinded) </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมตีพิมพ์บทความ: </strong>วารสารยังไม่มีนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมตีพิมพ์บทความ</p> https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/article/view/1958 การส่งเสริมการใช้สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2025-05-26T20:07:36+07:00 ธรรศญา หล่าอุดม ธรรศญา หล่าอุดม balloontadsaya@gmail.com <p>บทความวิชาการนี้มุ่งศึกษาการส่งเสริมการใช้สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากแหล่งเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษา พบว่า การส่งเสริมการใช้สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นเป้าหมายที่สำคัญ สื่อและนวัตกรรมการศึกษาถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ให้มีความหลากหลาย ทันสมัย และตอบสนองต่อความแตกต่างของผู้เรียน โดยบทความนี้ได้นำเสนอประเด็นสำคัญ ได้แก่ บทบาทของสื่อและนวัตกรรมในการยกระดับคุณภาพการศึกษา และ แนวทางการส่งเสริมการใช้สื่อและนวัตกรรมในโรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนบทบาทของครูสู่การเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านการเรียนรู้ ทั้งนี้ยังเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนและประเมินผลแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของโลกยุคใหม่</p> 2025-11-06T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ธรรศญา หล่าอุดม https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/article/view/2267 แนวทางการบริหารจัดการสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ 2025-10-01T21:05:45+07:00 ขวัญใจ สัสดีเดช suntaree@tsu.ac.th สุนทรี วรรณไพเราะ suntaree@tsu.ac.th <p>การบริหารจัดการสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนและมีลักษณะเฉพาะ เนื่องจากต้องเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ เช่น ปัญหาด้านภูมิศาสตร์ การคมนาคมที่ยากลำบาก และทรัพยากรที่จำกัด &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพการศึกษา โดยปัญหาหลักที่พบ ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอน ปัจจัยสนับสนุน และการประสานงานกับหน่วยงานภายนอก&nbsp; ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์และผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในบริบทเฉพาะของพื้นที่เกาะ โดยแนวทางการบริหารจัดการที่เหมาะสมควร ประกอบด้วย&nbsp; เป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ปรับการบริหารให้ยืดหยุ่น และนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อตอบสนองข้อจำกัดของพื้นที่&nbsp; ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความร่วมมือ เปิดโอกาสให้ชุมชนและผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการอย่างจริงจังเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ&nbsp; ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู จัดการนิเทศภายในและพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นทักษะการสอนที่จำเป็นและเหมาะสมกับบริบท&nbsp; สร้างความร่วมมือจากทุกฝ่าย ผู้บริหารต้องเป็นแกนนำในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาให้ก้าวข้ามข้อจำกัดได้อย่างยั่งยืน&nbsp; การบริหารสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะจะประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยการผสมผสานหลักการกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนานวัตกรรม และที่สำคัญที่สุดคือ&nbsp; บทบาทของผู้บริหารที่ต้องเป็นผู้นำในการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้กับนักเรียนได้อย่างแท้จริงในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> 2025-11-06T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ขวัญใจ สัสดีเดช, สุนทรี วรรณไพเราะ https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/article/view/1366 ภาพแทนสังคมดิสโทเปียในภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแมดแม็กซ์: ถนนโลกันตร์ 2025-03-09T21:48:23+07:00 รังสรรค์ นัยพรม rangsanpao@gmail.com <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการนำเสนอภาพแทนสังคมดิสโทเปียในภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแมดแม็กซ์: ถนนโลกันตร์ โดยใช้แนวคิดภาพแทน และแนวคิดดิสโทเปีย ผลการศึกษาปรากฏ 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) ภาพแทนสังคมดิสโทเปียกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมผ่านระบบทุนนิยมและสงครามนิวเคลียร์ที่นำไปสู่การสร้างมลพิษรวมทั้งภาวการณ์ขาดแคลนอาหาร 2) ภาพแทนสังคมดิสโทเปียกับการเมืองเรื่องชนชั้น ปรากฏการครอบงำทางชนชั้นที่ผู้นำถูกประกอบสร้างความหมายให้เป็นพระเจ้าองค์ใหม่ เป็นพ่อผู้มีคุณสมบัติในการสืบพันธุ์เพียงหนึ่งเดียว เป็นเจ้าแห่งความเร็วบนท้องทะเลทราย และเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ส่วนการต่อรองทางชนชั้นปรากฏภาพการต่อสู้และต่อรองกับอำนาจการครอบงำ&nbsp; &nbsp; &nbsp;โดยเชื่อว่ายังมีโลกแบบยูโทเปียคือโลกอันอุดมสมบูรณ์และเป็นอิสระซ่อนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้ ทั้งตัวบทยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่าชนชั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ถ้าผู้นำเป็นคนดี ประชาชนย่อมอยู่อย่างมีความสุข ปราศจากสงคราม และ 3) ภาพแทนสังคมดิสโทเปียกับการเมืองเรื่องเพศ ปรากฏภาพการกดขี่ทางเพศ&nbsp; ที่เพศหญิงถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ ส่วนการต่อรองทางเพศ ปรากฏการประกอบสร้างความหมายให้เพศหญิงกลายเป็นนักรบเพื่อต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ ภาพยนตร์ยังแสดงนัยวิพากษ์มนุษย์และวิทยาศาสตร์ ตลอดจนสงคราม และระบบอุตสาหกรรมแบบทุนนิยมที่ได้สร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้เสนอทางออกโดยการสร้างสังคมแบบอีโคโทเปียคือสังคมที่ให้คุณค่ากับระบบนิเวศที่จะทำให้ดินแดนอันแห้งแล้งกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง</p> 2025-11-06T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 รังสรรค์ นัยพรม https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/article/view/1477 ยกอ้อ ยอคาย : พลังแห่งความเชื่อและศรัทธาผ่านพิธีกรรมไหว้ครูในสังคมอีสาน 2025-03-08T20:16:58+07:00 พระณัฐวุฒิ พันทะลี pantalee200134go@gmail.com พระมหาพงศ์ทราทิตย์ สุธีโร pantalee200134go@gmail.com นัยน์ปพร สุภา pantalee200134go@gmail.com ดารินทร์ กำแพงเพชร pantalee200134go@gmail.com วิญญู เถาถาวงษ์ pantalee200134go@gmail.com <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการยกอ้อยอคายพลังแห่งความเชื่อและศรัทธาผ่านพิธีกรรมไหว้ครูในสังคมอีสาน ผลการศึกษาพบว่า การยกอ้อยอคายเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของสังคมที่ได้ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา ถือเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะลูกศิษย์ที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในเรื่องการน้อมรำลึกถึงพระคุณครูและแสดงความเคารพต่ออริยบุคคลและผู้มีคุณูปการต่อตนเอง มีครูทั้งหมด 6 ลำดับขั้น คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ เทพยดา ฤาษี ตลอดจนครูที่เป็นมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตอยู่หรือล่วงลับไปแล้ว การยกอ้อยอคายเป็นการแสดงออกถึงการเคารพครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนและเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามในส่วนที่เกี่ยวกับกิริยามารยาทรู้จักสัมมาคารวะและมีส่วนที่จะโน้มน้าวจิตใจลูกศิษย์ให้รักษาคุณงามความดี ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อลูกศิษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลดีทางตรง คือ การที่ลูกศิษย์มีจิตใจที่ดีงามมีความเคารพอ่อนน้อม ส่วนในทางอ้อม คือ เป็นกระบวนการกล่อมเกลาเพื่อให้ลูกศิษย์ลดอัตตาของตนเองลง และเป็นจูงใจให้เป็นผู้ที่มีนิสัยอ่อนโยนไม่แข็งกระด้างพร้อมที่จะรับการถ่ายทอดวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ทั้งหลาย</p> 2025-11-06T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 พระณัฐวุฒิ พันทะลี, พระมหาพงศ์ทราทิตย์ สุธีโร, นัยน์ปพร สุภา, ดารินทร์ กำแพงเพชร, วิญญู เถาถาวงษ์ https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/article/view/1769 ภาวะผู้นำการเรียนรู้ยุคดิจิทัล: พลิกโฉมการศึกษา 2025-05-02T15:26:55+07:00 ชัยมงคล แก่นโท chaimongkol.g5@gmail.com มัทนา ขุนศรี Matmat589589@gmail.com จิติมา วรรณศรี jitimaw@gmail.com <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเรียนรู้ยุคดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาในทุกมิติ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงต้องมีคุณลักษณะและทักษะที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน โดยองค์ประกอบของภาวะผู้นำการเรียนรู้ยุคดิจิทัลประกอบด้วย 1) การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ 2) การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ดิจิทัล 3) การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล 4) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เชิงระบบ และ 5) การคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาศักยภาพองค์กรอย่างยั่งยืน ด้านการบริหารจัดการ ผู้บริหารสถานศึกษาควรนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในงานด้านการบริหารงานวิชาการ ด้านการบริหารงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารงานทั่วไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และการเข้าถึงข้อมูล ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของบุคลากร และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง</p> 2025-11-06T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ชัยมงคล แก่นโท, มัทนา ขุนศรี, จิติมา วรรณศรี https://so19.tci-thaijo.org/index.php/JOWD/article/view/1909 แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก ในอำเภอฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 2025-05-23T18:50:45+07:00 ดวงใจ เชหมือ doungjai.chemue@gmail.com สมเกียรติ ตุ่นแก้ว Somkiet.tun@crru.ac.th สุวดี อุปปินใจ Suwadee123@gmail.com <p>การศึกษาอิสระครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ 2) ศึกษาปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ และ3) ศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก ในอำเภอฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม และเอกสารประกอบการสนทนากลุ่ม มาวิเคราะห์ข้อมูล หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหาสำคัญ ผลการศึกษา พบว่า ระดับภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการกำหนดกลยุทธ์ รองลงมา คือ ด้านวัฒนธรรมองค์กร ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือด้านการกำหนดทิศทางองค์กร ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก มีปัจจัยจูงใจ คือ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ความสำเร็จในการทำงาน และลักษณะงานที่ทำ ส่วนปัจจัยค้ำจุน คือ นโยบายและการบริหาร การบังคับบัญชาและควบคุมดูแล และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก ในอำเภอฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 จำนวน 5 ด้าน ได้แก่ 1)ด้านการกำหนดทิศทางองค์กร 2)ด้านการกำหนดกลยุทธ์ 3)ด้านการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ 4)การควบคุม และประเมินผลกลยุทธ์ 5)วัฒนธรรมขององค์กร</p> 2025-11-06T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ดวงใจ เชหมือ, สมเกียรติ ตุ่นแก้, สุวดี อุปปินใจ